ขอชีวิตคืน! : ตรีเนตร

นิยายสั้นสยองขวัญ (Horror/ Chiller)

กลับมาเล่าให้เพื่อนบ้านฟังโดยที่เสียงหามีไม่ต้องใช้มือทำภาษาว่า ถูกผีหมาผีแมวทั้งนกกาหลอกหลอนจนเป็นอย่างนี้ ทุกคนไม่ยอมเชื่อต่างว่าป๊อกชอบทำอะไรวิตถาร นี้คงแกล้งทำเป็นไม่มีเสียงให้ดูเป็นซ้ำยังเลิกคบและสังสรรค์ด้วย มีเพียงบุญชูเพื่อนผมที่เชื่อว่าบาปกรรมที่ป๊อกได้ทำไว้ มีผลทันตาเห็นแล้ว

อีกประมาณสองปีต่อมา ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน ซึ่งผมขอร้องไว้ให้ช่วยดูทีหรือว่าป๊อกนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป เพื่อนบอกว่าป๊อกได้เสียชีวิตแล้ว

“ลือต้องมานะโว้ยสี คืนนี้สวดเป็นคืนที่สอง อยากจะให้เห็นอะไรแปลกประหลาดูไม่น่าเชื่อ ” บุญซูถามกรอกเสียงมาจากนครปฐม

“อะไรหรือ ทำไมไม่บอกเสียเลยต้องอมพนำอยู่อีก”ผมแกล้งเหย้าเพื่อน

“ไม่ได้ๆ โว้ย เดี๋ยวเอ็งไม่เซอร์ไพรซ์”

ผมเลยรับปากไปว่า “เดี๋ยวค่ำ ๆ ถึงแน่  หาน้ำอำพันอย่างว่าไว้ต้อนรับด้วย”

“เออ ๆ กับแกล้มเพียบ”บุญซูตอบ แล้วต่างคนวางหู

ผมไปถึงเอาเกือบทุ่มครึ่ง คนน้อยเงียบเหงาวังเวงพิลึก มีเพียงญาติป๊อกสิบกว่าคนฟังพระสวดบุญซูนั่งอยูนอกศาลา กับเพื่อนสองสามคนล่อเหล้าเคล้าเสียงสวดของพระ

ผมจอดรถใกล้โต๊ะที่พวกบุญชูนั่ง เพื่อนหยีตาฝ่าแสงไฟที่ยังไม่ได้ปิดมอง ครั้นเห็นถนัดซัดเจนเป็นผม รีบลุกชื้นเข้ามาจับมือเอ่ยปนเสียงหัวเราะ

“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว”

“มีหรือไม่มา หากมีของดีให้ดู …ไหนวะที่แกว่าแปลกว่าแปลกน่ะ”

ผมถามระหว่างเดินไปที่โต๊ะคนหนึ่งยื่นแก้วให้ ผมส่ายหน้าบอกเดี๋ยว ขอน้ำเย็นก่อนดีกว่าคอแห้งเหลือเกิน

“ตรงใกล้พระสวดนั่นแหละที่ ข้าอยากให้เอ็งเห็นโว้ยสี”

บุญซูพยักหน้าในศาลา ซึ่งพระสี่รูปกำลังเอาตาลปัตรไปพิงข้างฝา บอกถึงการสวดในจบที่สามสิ้นสุด ลงและผมต้องแปลกใจที่ได้ยินเสียงลูกหมาลูกแมว กับลูกนกลูกการ้องกันระงม ผู้ที่ฟังสวดต่างลุกขึ้นยืนมองกันไปแถว เพื่อนยิ้ม พร้อมกับเอ่ยขึ้น

“นี่แหละที่ข้าว่ามันแปลกโว้ย ที่นี่เชื่อหรือยัง อยากให้ลูกหลานได้มาเห็นเหลือเกินมันเป็นสิ่งเหลือเชื่อจริง ๆ”

ผมพยักหน้ายอมรับว่าแปลกประหลาดมาก ไม่เคยเจอมาก่อนเลย

“พวกมันมาทำกิจกรรมกันตั้งแต่คืนแรกเลยหรือชู”

“ก็งั้นสิ ถึงโทรไปให้เอ็งมาเห็นกับตาอย่างไรเล่าเดี๋ยวจะหาว่าข้าโกหกไปดูใกล้ ๆกันไหมล่ะชาวบ้านดูกันตั้งแต่วันแรกแล้ว”

“พวกมันอยู่กันอย่างนี้ทั้งคืนหรือ”

ผมถาม เพราะรู้สึกหลายตัวหลายชนิดเหลือเกิน

“ไม่หรอก พอสวดเสร็จคนก็กลับไปมันต่างแยกย้ายไม่รู้หายไปทางไหนกันหมด”

“ไปดูกันดีกว่า ข้าจะได้ถือโอกาสไหว้ศพด้วย”

ผมบอก พลางลุกขึ้นเดินเนิบเข้าไปเคารพศพก่อนแล้วเลี่ยงไปที่คนมุงกันเป็นแถวแทรกตัวเข้ากลางแล้วต้องถึงกับขนลุกซู่ ลูกหมาลูกแมวเกือบห้าสิบตัว รวมทั้งลูกนกลูกกาอีก  ไฉนจึงมา ได้ชาวบ้านยืนมองมันโดยไม่ไล่หรือตีตัวใด และพวกมันเองไม่ทำอันตรายใครด้วย เพียงแต่ร้องกับเห่าหอนรับกันเป็นทอด ๆ ราวกับชวนกันมาประสานเสียง

ผมยืนแปลกใจอยู่พักใหญ่ต้องกลับเข้าไปในศาลา ลงนั่งกราบพระองค์หนึ่งที่อาวุโสกว่าองค์ใดๆ ณ ที่นั่นแล้วเรียนถามท่านว่า

“น่าอัศจรรย์เหลือเกินนะครับหลวงพี่ จะหาคำตอบอย่างไรได้ครับที่มีปรากฏการณ์เช่นนี้”

พระรูปนั้นหัวเราะน้อยๆแล้วตอบตอบว่า

“อาตมาเองยังไม่เข้าใจเหมือนกันตั้งแต่คืนแรกแล้ว คิดหาคำตอบอยู่ตลอดเหมือนกันว่า ที่มันมาเห่าหอนและร้องกันระงมไปนี่ เป็นการให้อภัยต่อนายป๊อกหรือว่า มาทวงวิญญาณของพวกมันคืน ที่นายป๊อกทำร้ายพวกมันไปหลายชีวิต จนปัญญาจริง ๆ ที่ไม่อาจเอ่ยเดาให้โยมฟังได้”

ผมเลยมืดแปดด้านไม่รู้จะถามใครดี จึงต้องลุกกลับไปยืนจ้องอีกเพราะหาดูง่ายเสียเมื่อไหร่ พวกสัตว์ทั้งหลายมาเคารพศพคน …นี่ผมเดาเข้าข้างนายป๊อกเสียงหายนะครับ

เราไม่อาจรู้ได้เลยเจ้ากรรมนายเวรของเราจะมารับเอาในรูปแบบไหน?