CAN I HELP YOU #คุณครับผมเป็นฟรีแลนซ์ : โลมาตัวสีเขียวที่ว่ายอยู่ในทะเลสีชมพู

นิยายสั้นวาย ชาย-ชาย (YAOI)

17:30

พวกเราทั้งสามคนกลับมาที่บ้านทันที เมื่อแม่สีพอใจจำนวนรังมดแดงที่ได้แล้ว

“มื้อแลงนี่ แม่สิเฮ็ดก้อยไข่มดแดงให้กินอีก เห็นนริณมันบอกว่าเจ้ามัก” (ตอนเย็นนี้แม่จะทำก้อยไข่มดแดงให้กินอีก เห็นนริณมันบอกว่าคุณชอบ)

“ครับแม่” ผมว่าขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ท่าน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าท่านพูดอะไรก็ตาม

“บักปอนมึงสิแต่งโตไปไสแต่หัวค่ำ” (ไอ้ปอน มึงจะแต่งตัวไปไหนแต่หัวค่ำ) นริณเอ่ยถามคนเป็นน้องขึ้น

“เอ้า ข่อยกะสิไปเบิ่งหมอลำตั๋วเนอะ มื้อนี้มาริโอ้มานำ” (เอ้า ผมก็จะไปดูหมอลำดิ วันนี้มาริโอ้มาด้วย)

“มีหมอลำติ” (มีหมอลำหรอ)

“อ้ายอั่นหนิแมะ กะหัวแต่เว้าไปวั่งฮั่น เจ้าเฒ่าแล้วติ” (พี่นี่ พึ่งพูดไปเมื่อกี้ แก่แล้วหรอ)

“เอ้าบักอั่นหนิมึงเถียงกูเบาะ” (เอ้าไอ้นี่ มึงเถียงกูหรอ)

“ข่อยบ่คั่นได้เถียงจักคำ” (ผมยังไม่ได้เถียงสักคำ)

นริณเลิกเถียงกับน้องแล้วหันมามองหน้าผมอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“คุณพันไมล์อยากไปดูหมอลำไหมครับ”

“ครับ??” ผมพูดออกไปอย่างงงๆ นี่นริณเขาชวนผมไปดูหมอลำอย่างนั้นหรอ

“ไปไหมครับ ถือว่าเปิดประสบการณ์”

“งั้นก็ไปกันครับ”
.
.
.

19:00

เวทีหมอลำ

“คนมะหลายแท้น้อมื้อนี่” (คนเยอะจังเลยวันนี้) น้องปอนพูดขึ้นพลางหยิบหวีที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาเสยผมตัวเอง

“โอ้ยยยยย จะแม่นหล่อคัก หวีอยู่ฮั่นล่ะผม มึงมาเบิ่งหมอลำรึมาหาผู้สาว” ( โอ้ย หล่อมาก หวีอยู่นั่นแหละผม มึงมาดูหมอลำหรือมาหาหญิง) นริญเอ่ยแซวน้องตัวเองขึ้นก่อนจะหันมาเอ่ยถามผมที่ยืนข้างๆ

“คุณอยากจะเข้าไปเต้นตรงนู้นกับผมไหมครับ” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปทางหน้าเวที

“ไปได้หรอครับ”

“ครับ ตามผมมา” ว่าจบคนข้างๆ ก็จับมือผมจูงไปที่หน้าเวที ที่ตอนนี้มีคนเต้นชักดิ้นชักงออยู่มากมาย

? ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ ?

เสียงเพลงที่ดังอยู่มันทำให้นริณได้เต้นท่าอะไรก็ไม่รู้ มันน่าเอ็นดูมากเลยล่ะครับที่เขาเต้นแบบนั้น น่ารักจนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหุบลงเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้น

/// ปัง ปัง ปัง ///

“อ้ายนริณ คุณพันไมล์ แล่นครับบบบบบบบบบบ !!!!!!! ” (พี่นริณ คุณพันไมล์ วิ่งครับ) ผมฟังไม่ออกว่าน้องปอนพูดว่าอะไร แต่เจ้าตัววิ่งออกไปแล้ว มีแต่ผมกับนริณที่ยังยืนอยู่ตรงนี้อยู่ สักพักนริณก็จับมือผมวิ่ง ออกมาจากตรงนั้นเลยจับใจความได้ว่าน้องเขาบอกให้พวกผมวิ่ง
.
.
.

เราวิ่งออกมาไกลมากจนถึงกองฟางกองใหญ่กองนึง นริณถึงยอมหยุดวิ่งแล้วปล่อยมือผมก่อนจะพูดขึ้นอย่างหอบๆว่า

“ผมเกือบพาคุณมาตายแล้วนะเนี่ย ดีนะครับที่ยังหนีทัน”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยนะครับ เพราะคุณ ผมถึงได้มีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ภายในวันเดียว”

ผมเอ่ยบอกกับคนข้างๆ อย่างจริงใจและส่งยิ้มไปให้

“แต่ประสบการณ์เสี่ยงตายแบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ” เขาพูดขึ้นพลางเอามือมาปัดเศษฟางที่เกาะอยู่บนหน้าผมออก

คนนี้นี่มันอะไรกันนะ เขาทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจในตัวของเขาอยู่เรื่อยเลยครับ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอกันก็ทำให้ผมประทับใจในความขยันของเขาแล้ว พอได้มาทำงานด้วยกันก็ทำให้ผมเห็นความทุ่มเทในการทำงาน ไหนวันนี้จะพาผมมาทำอะไรมากมายที่ผมไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้ทำ ผมรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆครับ ที่เข้ามาในชีวิตของผม

นริณเข้ามาทำให้ชีวิตจืดๆ ของผมมันมีสีสันขึ้นมาเยอะเลยครับ

“ขอบคุณมากนะนริณ ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของพันไมล์คนนี้ให้มันสมบูรณ์”