“คุณล้อผมเล่นใช่ไหมครับ” ผมพยายามกดความรู้สึกตื่นเต้นในใจเอาไว้ ไม่ได้อยากคาดหวังกับคำตอบหรอกนะครับ ถ้าเกิดเขาบอกว่าล้อเล่นขึ้นมา ก็คงมีแต่ผมนี่แหละที่เป็นคนเจ็บ
“ ใครเขาจะมาพูดเรื่องนี้เล่นๆ ล่ะครับ คุณแฟนคลับ” เมฆหมอกโน้มตัวลงมาใก้ลๆผม ทำให้ตอนนี้ปากของเขาที่กำลังขยับพูดอยู่นั้น มันแทบจะชนกับใบหน้าผมอยู่แล้ว
“…” เป็นเขาจริงๆสินะ นักเขียนในดวงใจของผม
“คุณรู้เป็นคนแรกเลยนะครับ” หน้าผมมันร้อนไม่หยุด ใจผมมันเต้นแรงอย่างต่อเนื่องกับรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นของเขา แต่ในหัวก็ยังมีความสงสัยอยู่ว่า ทำไมเขาถึงไม่เคยเปิดตัวต่อสาธารณะชนเลย แล้วอยู่ดีๆก็มาบอกผมว่าเป็นคุณเมฆสีครามซะงั้น
.
.
.
“ทำไมถึงบอกผมล่ะครับ ทั้งๆที่ จริงแล้วคุณไม่เคยไปงานเปิดตัวหนังสือเลย”
“ผมกลัวครับ กลัวว่าผู้อ่านจะไม่พอใจในหนังสือของผม” รอยยิ้มของเมฆหมอกยังไม่ได้หายไปจากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเลย เพียงแต่ตอนนี้แววตาที่เคยสดใสมันได้กลายเป็นแววตาที่เศร้าหมอง
“…” ผมนั่งนิ่งตั้งใจฝังเขาอธิบายต่อ
“แต่คุณทำให้ผมมั่นใจ เพราะคุณสนใจในงานเขียนของผม”
“…”
“ขอบคุณนะครับ ที่ชอบมัน” พอเอ่ยจบ ดวงตาของเขาก็กลับมาฉายแววเป็นประกาย
“นี่คงเป็นสาเหตุที่คุณเขียน สวัสดีผมคือลูกพีชขึ้นมาใช่ไหม” แบบนี้สินะเขาถึงได้สื่อมันออกมาได้อย่างดี
“ครับ”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ เพราะผมจะอยู่ตรงนี้ จะอยู่คอยให้กำลังใจคุณเอง คุณนักเขียนคนเก่ง”
ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่เขาเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“พูดแล้วนะครับ ถ้าคุณหายไปผมจะไม่เขียนหนังสืออีกเลย” เมฆหมอกพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงติดตลก
“ฮ่าๆๆ ทำไมคุณถึงขู่ผมน่ากลัวแบบนี้ล่ะครับ” ผมเอ่ยตอบไปอย่างขำขัน
.
.
.
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คุยถึงเรื่องหนังสือที่ผ่านมาของเขาบ้าง เรื่องร้าน Hello ! You บ้าง
หรือแม้กระทั่งเพลงผ่านๆ มาของผมที่แต่งขึ้นมา ซึ่งมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือของเขาเกือบทั้งหมด พอเป็นแบบนั้นแล้ว คนข้างๆก็ หัวเราะชอบใจใหญ่ จนทำให้ผมมีความสุขไปด้วย นี่นอกจากเขาจะถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวอักษรได้แล้ว เขายังถ่ายทอดมันออกมาผ่านทางสีหน้าได้อีก ผมชักจะหลง คุณหมอกสีคราม นี่เข้าแล้วล่ะสิ
E N D
[บทส่งท้าย]
เดือนหนาว : ขอโทษนะครับพี่ปลายฝน ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะทำงานที่พี่มอบหมายให้ไม่ได้ซะแล้ว
ปลายฝน : ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ เข้าใจดีเลย