เด็กใหม่

นิยายสั้นเสียดสีสังคม (Satirize the Society)

ระบบมารยาทอัตโนมัติมักทำงานด้านเสียงตรงข้ามกับความต้องการของร่างกายเสมอ แม้จะหิวขนาดไหน แต่ด้วยความเป็นเด็กใหม่ในทัศคติเรา การทำงาน ควรที่จะเข้างานให้ตรงเวลา พักให้ตรงเวลา และเลิกงานให้ตรงเวลา ไม่ใช่หรอกเหรอ ความสงสัยเริ่มปรากฎขึ้นมาในหัวสมองอันชาญฉลาดน้อยๆของเรา

          เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง การจะไปกินข้าวแต่ละทีช่างเป็นความยากลำบากสำหรับเรายิ่งนัก การเป็นเด็กใหม่ที่ไม่รู้อะไรและไม่ช่างสังเกตุอย่างเราทำให้ไม่ได้สำรวจร้านอาหารใกล้ๆบริษัทที่เราพอจะฝากท้องไว้ได้ แม้สิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกในปัจจุบันเมื่อเราหิวมีมากมายไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันสั่งอาหารเดลิฟเวอรี การค้นหาร้านอาหารใกล้ตตัวในอินเทอร์เน็ต แต่ด้วยความหิวทำให้ระบบสมองอันชาญฉลาดน้อยๆไม่สามารถที่จะคิดยได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้อยู่ สมองเลือกที่จะให้ตามหาร้านอาหารมื้อกลางวันนี้ได้ด้วยปากและสายตา ปากนี้แหละ ที่จะช่วยให้เอาชีวิตรอดจากความหิวในครั้งนี้ได้ ด้วยการถามทางไปร้านอาหาร และสายตาที่สอดส่องหาร้านอาหาร เดชะบุญที่สายตาทำงานเร็วกว่าปาก ทำให้มองเห็นร้านอาหารที่อยู่ด้านหน้าที่ทำงานเจอก่อนที่จะไปถามทางใครเขา การหิ้วท้องที่ร้องโครกครากเข้าไปสั่งอาหารและนั่งรออาหารอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้น้ำลายเริ่มแตกฟองเมื่อเห็นอาหารผ่านหน้าไปแต่ก็ยังไม่ใช่ของเรา การมาร้านอาหารช้าไปแม้แต่นาทีเดียวทำให้ต้องหิ้วท้องรออาหารนานนับครึ่งชั่วโมง และเหลือเวลาพักอันน้อยนิดในการไปทำธุระส่วนตัวอย่างอื่น แต่ด้วยทัศนคติของเราที่ว่า ควรพักให้ตรงเวลา เริ่มใช้ไม่ได้กับบางบริษัท เมื่อกลับมานั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานแล้วเหลือเวลลาพักอีกไม่ถึง10นาทีก็ถึงเวลาที่พี่ๆในที่ทำงานเริ่มมาทำความรู้จักทักทายเด็กใหม่อย่างเรา

พี่ๆในที่ทำงาน :  พึ่งเข้ามาใหม่เหรอ? , ชื่ออะไร? , เรียนจบอะไร? , จบจากที่ไหนมา?

คงเป็นคำถามทั่วไปที่พี่ๆในที่ทำงานใช้ทักทายเด็กใหม่ซินะ! มันเป็นคำถามที่ถามกันไม่ถึงสามคนแต่สามารถรับรู้ด้วยญาณอะไรบางอย่างของคนทั้งบริษัท และตามมารยาทเด็กใหม่อย่างเราก็ควรจะตอบคำถามเหล่านี้ให้หมดและต่อท้ายด้วยคำว่า

เด็กใหม่ : “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”