คนข้างห้อง : พลัชพา

นิยายสั้นแนวเขย่าขวัญและระทึกขวัญ (Thriller)

พิ้งค์ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องของผู้หญิงคนนั้น คิดว่าจะเดินเข้ามาดูสักนิดและรีบกลับห้องของตนเองก่อนเจ้าของห้องนี้จะกลับมา และเมื่อเธอเดินเข้ามาข้างในก็ต้องพบกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปหมด ภายในห้องมีโต๊ะหมู่บูชา…ไม่สิ นี่ไม่ใช่โต๊ะหมู่บูชา แต่เป็นโต๊ะที่จัดวางคล้ายโต๊ะหมู่แต่บนแท่นแต่ละอันนั้นกลับมีของจำพวกมนต์ดำวางอยู่แทน ราวกับถูกมนต์สะกด พิ้งค์เดินเข้าไปลึกขึ้นก่อนจะพบว่าที่พื้นมีการวาดสัญลักษณ์แปลกๆที่เธอไม่เคยเห็น มันถูกวาดขึ้นด้วยเลือดและบนกำแพงประกอบไปด้วยศีรษะของสัตว์นานาชนิดตั้งแต่เล็กอย่างหนูไปจนถึงหัวของแมวและสุนัขถูกแขวนเอาไว้อยู่

หัวสุนัขดูจะเพิ่งเริ่มเน่าในขณะที่หัวสัตว์อื่นๆก่อนหน้าเหม็นเน่าจนชวนอาเจียน พิ้งค์รู้สึกพืดพะอมกับภาพตรงหน้า หัวใจเธอสั่นแรงด้วยความกลัว สองเท้าของพิ้งค์กลับหลังหันและเตรียมจะเดินออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด

แต่น่าเสียดายที่เธอคงจะไม่ได้ออกไปดั่งหวัง

ภาพตรงหน้าเมื่อพิ้งค์กลับหลังหันมานั้นคือร่างของผู้หญิงข้างห้องคนนั้นที่ยืนยิ้มราวกับสตินั้นล่องลอยไปเสียแล้ว

“ขอโทษที่เข้ามาค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้” พิ้งค์เอ่ย พยายามทำเสียงให้เรียบที่สุดแต่มันก็ยังคงสั่นอยู่ดี

“ฉันคงให้ออกไปไม่ได้หรอก” หญิงคนนั้นพูดเสียงเย็น เย็นเสียจนร่างของพิ้งค์สั่นสะท้าน “พวกสอดรู้ ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น”

“ขอโทษค่ะ” พิ้งค์เอ่ย “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้”

“แต่ก็สอดรู้จนได้” หญิงคนนั้นเอ่ยพลางเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “เสียใจด้วยนะ ไม่เคยมีใครนอกจากฉันที่เข้ามาในห้องนี้แล้วได้กลับออกไป”

“หมายความว่าอย่างไรกัน”

“ก็หมายความว่าแกก็จะไม่ได้ออกไปด้วยยังไงล่ะ” หญิงคนนั้นเอ่ย “หรืออาจจะได้กลับตอนฉันเอาร่างแกไปฝัง แต่แน่นอนว่าหัวของแกจะต้องอยู่ที่นี่นะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยอย่างราบเรียบกับการเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้พิ้งค์ต้องเดินถอยหลังอย่างหวาดหวั่น

“กำลังคิดอยู่เชียวว่าจะเอาสัตว์อะไรที่ใหญ่กว่าหมามาทำพิธีครั้งต่อไปดี ลองเปิดประตูล่อแกเล่นๆไม่คิดว่าจะเข้ามาจริงๆ เพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆเลยนะ”

“คุณจะทำอะไร”

“สังเวยสัตว์ให้ซาตาน” หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “พวกคนที่อยู่ชั้นหกนี่ต่างก็สงสัยกันทุกคนว่าสัตว์เลี้ยงของตัวเองหายไปไหนจนย้ายออกไปจนหมด พวกชั้นห้าก็ด้วย ตอนเห็นแกเข้ามาอยู่ห้องข้างๆบอกตามตรงว่าฉันตื่นเต้นไม่น้อยเชียวล่ะ เพราะจะได้หาเหยื่อใหม่ๆมาได้และไม่คิดด้วยว่าคราวนี้จะได้สัตว์อย่างมนุษย์มาสังเวย ซาตานคงจะชอบไม่น้อย”

“ซาตานไม่มีจริงสักหน่อย” พิ้งค์เอ่ยเสียงสั่น

“มีสิ! ทำไมจะไม่มี!” หญิงคนนั้นตะโกนพลางเข้ามาประชิดตัวเธอมากขึ้น

“ไม่มี”

“มี!!” หญิงสาวคนนั้นตะโกน พิ้งค์พยายามจะวิ่งแทรกตัวหนีไปแต่ก็ถูกขัดขวาง

“ช่วยด้วยค่ะ!! ช่วยด้วย!!” พิ้งค์ตะโกนสุดเสียง

“ไม่มีใครได้ยินเสียงแกหรอกเพราะหอนี้ไม่มีคนเช่าแล้วนอกจากแกกับฉัน ไม่เคยได้ยินเรื่องอาถรรพ์ของหอนี้หรือไง ไม่มีใครอยู่ได้หรอก มีเพียงทาสรับใช้ซาตานผู้ซื่อสัตย์อย่างฉันเท่านั้นถึงอยู่ได้”

“ไม่! ซาตานไม่มีจริง!!” พิ้งค์ออกแรงผลักผู้หญิงที่เธอคิดว่าเสียสติไปแล้วให้พ้นทางก่อนจะวิ่งไปที่ประตู อีกนิดเดียว…อีกนิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะหลุดออกไปจากห้องนี้ เธอจะรีบวิ่งไปยังหอข้างๆที่อยู่ใกล้ๆกันเพื่อขอความช่วยเหลือและจะแจ้งตำรวจ…เธอจะต้องหนีออกไปให้ได้

“อั่ก!” พิ้งค์ร้องออกมาเมื่อถูกของแข็งชนิดหนึ่งฟาดลงมาบริเวณท้ายทอย สติของเธอค่อยๆดับวูบลงไป สองมือของพิ้งค์ยื่นออกไปด้านหน้าซึ่งก็คือประตูอย่างมีความหวัง…ใครก็ได้ช่วยเธอที ช่วยเธอออกไปจากที่แห่งนี้ที

หญิงสาวผู้เสียสติยืนมองร่างของผู้ที่สลบอยู่ที่พื้นก่อนจะค่อยๆแสระยิ้มและยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เธอลากร่างของพิ้งค์ที่ไม่ได้สติมาวางที่กลางห้องก่อนจะจัดการเตรียมของต่างๆสำหรับบูชายัญให้พิ้งค์ไปเป็นทาสของซาตาน…และซาตานคงจะพอใจกับของสังเวยชิ้นนี้ไม่น้อย

เสียงหัวเราะของคนเสียสติดังไปทั่วทั้งจันทร์หอม อพาร์ทเม้นท์ ราวกับว่าค่ำคืนนี้คงจะเป็นคืนที่น่าหฤหรรษ์เหลือเกินของเจ้าของเสียงหัวเราะ