ผมพยายามตีสนิทกับเด็กอู่ไม่ว่าจะเป็น วีรศักดิ์ อาคม สุพัฒ โดยเฉพาะเจ้าของอู่ซ่อมรถ คือคุณลัดดา เนื่องเพราะสถานที่เก็บซากรถบริเวณอู่ซ่อมรถไม่เพียงพอ จึงต้องอาศัยที่ว่างบริเวณ ข้างบ้านของผมเป็นที่เก็บเศษเหล็กรถที่พังและถูกชนมาเก็บไว้ ตั้งแต่บ้านหลังนี้เป็นของลุงเสรี ด้วยเหตุผลของการพึ่งพาอาศัยกัน คุณลัดดาจึงจ่ายค่าเช่าสถานที่ให้กับลุงเสรีเดือนละ 1,200 บาท แต่หลังจากผมมาอยู่ว่าไม่ต้องการค่าเช่าอะไร ขอเป็นน้ำใจแบ่งปันให้แก่กันและกันเพราะที่ตรงนั้นผมก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรช่วงนี้
เย็นวันหนึ่งรถวินของอู่ได้ลากรถกะบะสีขาวเข้ามาในอู่ มันเป็นรถ HILUX TOYOTA รุ่นเก่าแต่ว่าโชคร้ายประสานงากับสิบล้อ เพราะแซงไม่พ้น คนขับตายคาที่ ญาติพี่น้องจึงรับช่วงซ่อมให้ แต่อย่างไรก็ช่างภาระหน้าที่ของอู่ซ่อมรถเมื่อมีรถที่พังก็ต้องแก้ไข ผมยืนสังเกตการณ์อยู่บนระเบียงหน้าบ้าน มองเห็นคุณลัดดาสั่งให้ลูกน้องขับรถวินลากเศษเหล็กเข้ามาเก็บไว้หน้าบ้านผมเพื่อรอคิวซ่อม
“ฝากไว้อีกคันนะพี่” วีระศักดิ์ร้องบอกกับผม
“เออ ตามสบาย คันที่ 2 แล้วนะวันนี้”
“ครับ แต่ละรายแม่งตายคาที่หมด”
“แล้วคันสีขาวตายคาที่ด้วยเหรอ” ผมชี้มือไปยังรถกระบะยี่ห้อดัง
“คันนี้ประสานงากับสิบล้อ แซงไม่พ้น ดีหน่อยสิบล้อหักหน้าหลบแต่ว่ายังไม่พ้นอยู่แล้ว ช่วงกระชั้นชิดปีคอัพชนท้ายสิบล้อตายคาที่ เจ้าของเป็นพยาบาลพึ่งทำงานได้ 1-2 เดือนเอง แต่มาด่วนตายเสียก่อน”
เขารายงานยาวถึงประวัติแห่งความตาย
“คันสีเขียวนั่นละ ก็สมควรอยู่หรอกนะ”” ผมถามถึงรถเก๋งคันงาม
ซึ่งจอดยับยู่ยี่อยู่ใต้ร่มมะม่วงจากดันขาวเข้าไป
“อ๋อ คั้นนั้น ชนตั้งนานแล้วครับ แต่เขาเพิ่งเคลียร์ปัญหาคดีเสร็จ
เป็นรถของ…เอ ผมจำได้ว่าทำงานธนาคารทหารไทย รายนี้เมาหลับใน พุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทางเมื่อ 2 เดือนก่อน”
วีระศักดิ์เล่าประวัติของแต่ละคันให้ผมฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ
“งานของอู่มีมาไม่ขาดเลยนะทั้งรถเก่ารถใหม่ กิจการอู่ซ่อมรถจึงงอกงยขึ้นมากมาย”
ผมว่าไปอย่างนั้น
“ครับ ถ้ามองภาพรวมก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับพวกผมก็ ยังเป็นลูกจ้างกินยู่อย่างนี้แหละครับ” วีระศักดิ์พูดตอบกับผมในความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง
“มีหลายรายมิใช่หรือที่เป็นลูกอู่แล้ว สามารถเปิดอู่เป็นของตัวเองในเวลาเพียงไม่กี่ปี” ผมพูดกับวีระศักดิ์เท่าที่รู้
“ยากครับ ที่สำเร็จมีน้อยมาก สู้เป็นลูกจ้างเขาอยู่อย่างนี้ดีกว่า”
วีระศักดิ์พูดอย่างปลงตก