Time Machine : พลัชพา

นิยายสั้นแนววิทยาศาสตร์ (Science Fiction / Sci-Fi)

สุดท้ายสายชลก็ต้องยิมยอมให้เธออยู่ด้วยกัน โดยที่เขาจะย้ายออกมานอนที่โซฟาและให้เธอนอนที่เตียงภายในห้องไป บลูเบอรี่กล่าวว่าเธอจะมาอยู่ไม่นานนัก สักประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์ เพราะเธอต้องการดูวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนี้ ว่าจะเหมือนกับที่เธอเคยอ่านหนังสือมาหรือเปล่า

“ผู้คนในสมัยของฉันตัวสูงกว่าคนในสมัยนี้นะคะ พวกเราโตเร็วกว่าคนในสมัยนี้มาก นี่หน้าตาอย่างคุณถ้าอยู่ในปีสองพันสองร้อยยี่สิบบอกใครไปว่าอยู่ระดับมหาวิทยาลัยแล้วคงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ” เธอเอ่ยขณะที่สายชลกำลังยกหมอนและผ้าห่มของเขาออกมาไว้ที่บริเวณโซฟา

“ว่าแต่คุณน่ะเรียนอยู่ระดับไหนแล้วล่ะ มหาวิทยาลัยใช่ไหม” สายชลเอ่ยถาม ความจริงเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนักหรอก ก็แค่เห็นเธอพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน เขาเลยพูดตอบโต้กลับไปบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าหล่อนคงจะพูดคนเดียวเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเป็นแน่

“ไม่ใช่นะคะ ฉันเรียนไฮสคูลอยู่ต่างหาก”

“นี่คุณเรียน ม.ปลายอยู่เลยงั้นหรอ” สายชลเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหู ดูจากลักษณะท่าทางของเธอแล้วเหมือนกับคนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเสียมากกว่า

“ฉันถึงบอกไงคะว่า คนในปัจจุบันน่ะดูโตมากกว่าคนในอดีต”

“ตอนนี้ต่างหากที่เป็นปัจจุบัน คุณน่ะมาจากอนาคต” สายชลเอ่ย

“แหม สำหรับฉันตอนนี้ก็คืออดีตนะคะ”

เธอเอ่ยนู่นเอ่ยนี่ไปเรื่อยไม่หยุดหย่อน สายชลที่อยู่คนเดียวในห้องนี้มาตลอด เริ่มรู้สึกว่าจะรำคาญเธอหน่อยๆ แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป จนเมื่อบลูเบอรี่เริ่มเอ่ยเล่าเรื่องราวในยุคสมัยของเธอ เขาที่เริ่มรู้สึกรำคาญจึงเปลี่ยนมาเป็นความสนใจกับเรื่องราวในอนาคต

“วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกลแล้วค่ะ ในปีสองพักสองร้อยยี่สิบ พวกเราประดิษฐ์สิ่งอำนวยความสะดวกได้มากมายขึ้น”

“มีของวิเศษเหมือนเรื่องโดราเอม่อนหรือปล่า” สายชลถาม

“โดราเอม่อน?”

“การ์ตูนน่ะ เธอไม่รู้จักหรือไง”

“ก็คุ้นๆ อยู่นะคะ ขอนึกก่อน” เธอว่าพลางทำท่าครุ่นคิด “อ้อ การ์ตูนที่คุณทวดบอกว่าชอบดูบ่อยๆ”

“ทวดของคุณดูการ์ตูนด้วยหรือไง”

“ตอนท่านเด็กๆ น่ะค่ะ” เธอตอบ “คุณทวดเล่าว่าโดราเอม่อนมาจากโลกอนาคต เพื่อช่วยให้โนบิตะเลิกถูกรังแกหรือเปลี่ยนอนาคตของโนบิตะสินะคะ”

สายชลไม่ตอบอะไรกลับไป เขาพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนั้นหญิงสาวนามว่าบลูเบอรี่ก็เอ่ยเล่าถึงโลกอนาคตต่อ เธอว่าสิ่งประดิษฐ์ไฮเทคอย่างที่ปรากฏในการ์ตูนชื่อดังอย่างโดราเอม่อนนั้นยังไม่ค่อยมีมากนัก แต่ก็มีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้มนุษย์ รถยนต์เองก็เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นพลังงานทดแทน ไฟฟ้าก็เป็นพลังงานแสงอาทิตย์เสียส่วนมาก ยังไม่รวมโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นต่างๆ มากกว่าในปัจจุบัน

เธอมองโทรศัพท์ของเขาด้วยสายตาเป็นประกาย เมื่อตอนที่เขาหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขอดูสักนิด หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็เริ่มเดินสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เธอตื่นตะลึงกับโทรทัศน์จอแบนและพัดลมจนต้องยืนจ้องอยู่พักใหญ่ๆ…ความจริงแล้วเธอตื่นตะลึงกับทุกสิ่งทุกอย่างเลยเสียมากกว่า

“ไฟแบบนี้ในปัจจุบันก็ไม่มีแล้วนะคะ แต่เป็นเพดานที่ส่องแสงได้และจะเปิดปิดเองอัตโนมัติด้วย พัดลมแบบนี้ก็ไม่มีแล้วด้วย” เธอเอ่ยเล่าไปเรื่อย สายชลนั่งฟังอย่างสนอกสนใจเช่นเดียวกัน เขาชินแล้วกับการที่บลูเบอรี่แทนยุคสมัยที่เขาอยู่นี้ว่าอดีตและเรียกอนาคตที่เธอมาว่าปัจจุบัน

“แล้วนั่น คุณจะทำอะไรคะ” เธอหันมาถาม เมื่อเห็นเขาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ออกมาชาร์จแบต

“ชาร์จแบตไง” สายชลตอบ “ในสมัยของคุณไม่ชาร์จแบตโทรศัพท์กันหรือไง”

“ใช่ค่ะ พวกเราไม่ชาร์จกันหรอก” เธอกล่าว “โทรศัพท์ของพวกเราชาร์จตัวเองได้ค่ะ”

“แปลกดี”

“ไม่แปลกสักหน่อย” เธอตอบก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ เขา พลางจ้องมองดูสายชาร์จของเขาอย่างพิจารณาด้วยสายตาเป็นประกายราวกับคนไม่เคยเห็น

“มองเหมือนไม่เคยเห็น”

“ใช่ค่ะ มันหายากมากๆ เลยนะในปัจจุบัน แต่พวกคนที่ชอบสะสมของเก่าๆ น่าจะมี”

“เอากลับไปยุคของคุณไหมล่ะ” เขาถามอย่างไม่คาดหวังอะไรกับคำตอบของอีกคนมากนัก

“ไม่ล่ะ มีกฎอยู่ว่าห้ามเอาของจากอดีตกลับไปปัจจุบันน่ะ”

“แต่คุณเคยบอกว่าไทม์แมชชีนก็ยังอยู่ในขั้นทดลองนี่ ทำไมถึงมีกฎอะไรแบบนี้แล้วล่ะ” สายชลเอ่ยถามอย่างสงสัย