My brother ยุ่งนักรักซะเลย : Merci

นิยายสั้นรักโรแมนติค (Romantic)

“แม่ขา พี่โขนไม่รักขลุ่ย”

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ พี่โขนน่ะนะรักขลุ่ยมากกว่าใครบนโลกนี้อีกนะจ๊ะ” หญิงสาวเอี้ยวตัวหันกลับมาตอบลูกสอบที่โผล่เข้ามากอดตนจากด้วยหลัง

“ก็พี่โขนไม่ให้ขลุ่ยไปเที่ยวกับพี่แคน พี่โขนไม่อยากเห็นขลุ่ยมีความสุข” ฉันบ่นพร้อมทำหน้าบูดในอกแม่

“ทำไมหนูไม่ถามพี่เขาไปตรงๆล่ะจ๊ะ ว่าทำไมหนูถึงไปไม่ได้”

“ถามไปก็เท่านั้นแหละค่ะ เบื่อจะคุย ร้อยวันพันปีไม่เคยหวง พอเห็นหนูโตเป็นสาวหน่อยไม่ได้” ฉันพูดปนแซวตัวเอง

“จ้า ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้พี่ชายก็ต้องหวงเป็นธรรมดา จริงไหมโขน” ผู้เป็นแม่ตะโกนถามลูกชาย

“อะไรอีกล่ะ ฟ้องอะไรแม่อีกล่ะ” ชายหนุ่มตอบ

“ก็ขลุ่ยชอบพี่เขาอะ แล้วพี่แคนเขาก็ชอบขลุ่ย ทำไมพี่โขนต้องมาห้ามขลุ่ยด้วย ขลุ่ยรู้นะว่าพี่โขนไม่ให้พี่แคนมาหาขลุ่ยที่บ้าน หรือที่ไหนๆ อะ หนูโตแล้วนะ ไม่เคยนอกลู่นอกทางพี่โขนก็รู้ดีกว่าใคร” ฉันเถียงทันควัน

“ชอบ? เจอกันแค่นั้น คิดว่ารู้จักมันดีแล้วหรอ ถึงไปชอบมันน่ะ” ชายหนุ่มถามกลับ

“ทำไม ก็เพราะไม่รู้จักดีไง ถึงต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้อะ ใครจะเหมือนพี่โขนล่ะ อายุก็ขนาดนี้แล้ว ไม่เคยเห็นชอบใครเขาสักคน รู้จักไหมคำว่ารักอะ?” ฉันถามกลับ

“แกจะไปรู้อะไร แกไม่เคยจะรู้อะไรด้วยซ้ำ!!!” ชายหนุ่มตะโกนกลับแล้วเดินหนีไปด้วยความโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็น

ผู้เป็นแม่มองตามลูกชายอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่วายดึงลูกสาวเข้ามากอดปลอบประโลมให้ใจเย็นลง

.
.
.

“โขน…”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าบ้านคนเดียวมาสักพักใหญ่ๆ หันไปมองเจ้าของเสียงเรียก

“แม่”

“แม่จะไม่ถามโขนหรอกนะ แต่ขลุ่ยคงมีแต่คำถามมากมายเลยนะลูก” หญิงสาวเอื้อมมือมาแตะบ่าของลูกชาย

“ผมรู้ครับแม่ แต่ผมเป็นห่วงขลุ่ย ผมอยากให้ขลุ่ยเจอคนที่ดีที่สุด”

“แล้วแคนเขาไม่ดียังไงจ๊ะ” ผู้เป็นแม่ถาม

“เขาดูแลขลุ่ยไม่ได้หรอกครับ ผมเคยตามไปดูที่คณะตอนที่พวกเขาแอบนัดเจอกัน แทนที่ไอ้แคนมันจะให้ขลุ่ยเรียน แต่มันกลับชวนให้ขลุ่ยโดดเรียนเพื่อไปดูหนังกับมัน ไหนจะให้ขลุ่ยช่วยทำงานที่ผมสั่ง ขลุ่ยคงคิดว่าผมไม่รู้ แต่รายละเอียดงานที่มันทำ กับงานที่ขลุ่ยทำมันต่างกันนะครับ ผมไม่อยากให้มันยุ่งกับขลุ่ย ตอนนี้ผมกำลังทำเรื่องขอย้ายทีมอยู่ครับแม่” ชายหนุ่มอธิบาย

“เราคงจะตามปกป้องดูแลน้องตลอดแบบนี้ไม่ได้หรอกนะลูก โขนเคยคุยกับน้องรึยัง?”

“เรื่องอะไรหรอครับ?”

“แม่ว่าน้องโตพอจะรู้เรื่องราวต่างๆ และตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้วนะ”

“เรื่องอะไรกันหรอคะ” ฉันที่เดินลงมาทันได้ยินประโยคสุดท้ายของแม่พอดี