นั้นแหละครับหลังจากนั้นเราก็คุยกันบ่อยๆ มีนัดไปกินข้าว ดูหนังบ้าง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เราตกลงจะไปดูหนังกันครับ เห็นพี่เขาบ่นช่วงนี้งานเยอะ กำลังเครียดๆ ผมเลยชวนเขาออกมาผ่อนคลายบ้าง
“โยว่า พระเอกปากหนักไปอ่ะ ถ้าบอกนางเอกออกไปทุกอย่างก็จบแล้ว นางเอกไม่น่าให้อภัยพระเอกง่ายๆเลย” ผมยังอินไม่เลิกครับกับหนังที่เราดูจบมา แสดงว่าหนังเขาดีจริงครับทำผมอินหนักขนาดนี้
“ทุกคนมีเหตุผลของเขาแหละโย อีกอย่างถ้าพระเอกไม่ปากหนัก คนสร้างเขาคงไม่ได้หนังเรื่องนี้ออกมาจริงมั้ย” พี่ธียิ้มขำๆ กับผมที่ยังอินไม่เลิก
“ก็จริง พี่ธีแล้วเรากำลังจะไปไหนกันเนี่ย ผมหิวแล้วนะ”
“นี่ไง พี่กำลังพาไปกินข้าว ร้านนี้รับรองโยต้องชอบแน่ๆ”
.
.
.
“อร่อยเกินไปแล้ว โยกินดีๆ เลอะหมดแล้ว” หลังจากพูดจบ พี่ธีก็เช็ดปากให้ผมโดยไม่รังเกียจ ก็มันอร่อยจริงๆ นี่ครับ
“โยเป็นแฟนกันมั้ย” อยู่ๆ พี่ธีก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน ผมว่าแล้วว่าบรรยากาศมันเป็นใจอะไรขนาดนี้ ที่แท้เขาตั้งใจนี่เอง คนอะไรเนี่ยน่ารักเป็นบ้า
“ถ้าพี่ธีร์ไม่ขอ โยก็กะจะขอพี่ธีอยู่แล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ”
“แสดงว่าสถานะตอนนี้เราคือแฟนกันแล้วนะ เป็นแฟนพี่ต้องอดทนนะ พี่จะพยายามหาเวลามาให้โยให้ได้มากที่สุดไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณมากๆนะพี่ธี แต่พี่ธีไม่ต้องเครียดนะ โยเข้าใจแล้ว โยก็จะไม่ดื้อไม่ซนให้พี่ธีเป็นห่วงมากด้วย พี่ธีก็ตั้งใจทำงาน แล้วมาเปย์โยเยอะๆก็พอ”
เงินซื้อไอ้โยคนนี้ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่มากพอ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับไม่อยากให้พี่ธีกังวลใจมาก พี่เขาเคยเล่าให้ผมฟังว่าเคยมีแฟนแล้วพี่ธีเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เลยเลิกกันไป พี่เขาคงกลัวว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอย
“พี่ธีไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าพี่ไม่มีเวลามาหาโย โยก็จะไปหาพี่เอง และถ้าพี่ธีเหนื่อยโยก็จะเป็นคนดูแลพี่เอง ไหนดูซิคุณหมอเป็นอะไรขอคนไข้ดูหน่อยครับ ฮ่าๆๆ โอ๊ะ คุณหมอเป็นโรคหัวใจรึเปล่าน้า ใจเต้นแรงเชียว” ผมแซวพี่เขาหลังจากซบตรงอกพี่เขาอยู่ สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงเลยครับ
“เนี่ยไม่ให้รักได้ไงเจ้าเด็กดื้อของพี่ ขอบคุณนะครับที่เข้ามาในชีวิตพี่”
จากนั้นพี่ธีก็ดึงผมเข้าไปจูบ นี้แหละครับเรื่องราวความรักของผมกับพี่ธี เราอาจมีวันที่เหนื่อยและท้อใจบ้าง แต่พอหันหลังมาแล้วเจอคนรู้ใจที่คอยซัพพอร์ตเรา คอยให้กำลังและเคียงข้างกันเท่านี้ เราก็มีแรงที่จะเดินต่อไปแล้วครับ