แก้วกระเบื้อง : จมออน

นิยายสั้นวาย ชาย-ชาย (YAOI)

“เสื้อครับ คุณไปเปลี่ยนก่อนเถอะ ตัวเปียกนานๆ เดี๋ยวไม่สบาย” บีมรับมาก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ พอเปลี่ยนเสร็จก็ถือเสื้อที่เปื้อนเดินออกมา

“ถุงครับ” ร่างบางมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนจะรับถุงมาใส่เสื้อในมือ

ช่างเป็นผู้ชายที่ใส่ใจดีจริง

“เมื่อกี้คุณเจอเจ้าปุกปุยเหรอครับ” ชายหนุ่มถามขึ้น

“ปุกปุย ? ตัวที่ขนสีขาวๆ น่ะเหรอ”

“ใช่ครับ ผมเห็นคุณจ้องมัน” ร่างบางพยักหน้ารับ

“ก็คงใช่ ผมชื่อบีม แล้วคุณชื่ออะไร” ร่างบางจำต้องแนะนำตัวเพราะอีกฝ่ายดูใส่ใจเขาจนน่าเกรงใจไปหมด ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มก่อนจะตอบ

“ชานครับ คุณชอบกระต่ายเหรอ” ชานตอบ ก่อนจะเดินไปอุ้มเจ้าปุกปุยขึ้นมาแล้วนั่งบนโซฟา

“นั่งสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อเห็นว่าบีมยังคงยืนมองนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ร่างบางนั่งลงก่อนจะมองกระต่ายตัวเบิ้มในอ้อมแขนอีกฝ่าย

“ฉันเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่ามันคือกระต่าย” ชานหัวเราะออกมานิดๆ ก่อนจะตอบ

“มันอาจจะอ้วนไปหน่อย แต่มันก็คือกระต่ายครับ” กระต่าย … เขากับซอเคยเลี้ยงกระต่ายด้วยกันตัวนึง แต่มันเสียชีวิตไปแล้วเพราะความไม่รู้ของทั้งสองที่เผลอเสียงดังจนมันตกใจแล้วช็อคตาย

“ขอฉันอุ้มมันหน่อยได้ไหม” ชานเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายแต่ก็ส่งเจ้าปุกปุยให้ บีมรับกระต่ายอ้วนมาไว้บนตักก่อนจะลูบขนนุ่มฟูเบาๆ

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ก็เป็นไปด้วยดีจนเวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงมื้อเที่ยง บีมเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะหันไปบอกชาน

“เที่ยงแล้ว ผมไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่าครับ” ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบของที่เค้าน์เตอร์

“ไม่กวนหรอกครับ ดีซะอีกที่ได้เพื่อนใหม่” บีมยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะนิ่งไป

“งั้นถ้าไม่รังเกียจ ไปทานมื้อกลางวันที่ห้องผมไหมครับ” ไม่รู้อะไรที่ดลใจร่างบางให้ชวนอีกฝ่ายไปทานมื้อเที่ยงที่ห้อง อาจะเป็นเพราะความเกรงใจที่อีกฝ่ายดีกับเขาล่ะมั้ง
.
.
.

พอมาถึงห้องบีมก็จัดแจงเก็บของและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำเสื้อของชานไปซัก หลังจากนั้นจึงทำมื้อเที่ยงง่ายๆ สำหรับสองคน ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของชายหนุ่มโดยที่เขาไม่รู้ตัว

หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็นั่งคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่ชานจะขอตัวกลับห้องไป บีมเอาเสื้อของชานที่ซักแล้วมาตากไว้ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ที่ซื้อมาวันนี้พร้อมกับเศษแก้วมาวางบนกระจกหน้าโซฟาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้แย่นัก โชคดีที่ชานชวนคุยเสียจนเขาลืมความเศร้าไปได้บ้าง แต่พอต้องกลับมาอยู่กับตัวเองแล้วมันก็อดที่จะร้องไห้อีกไม่ได้ ยิ่งได้เห็นเศษแก้วตรงหน้ายิ่งรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วหน้าอก

บีมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลงมือซ่อมแก้วที่แตกเงียบๆ หากเริ่มทำอย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่จะสำเร็จ แม้วันนี้จะยังร้องไห้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องร้องไห้ตลอดไป การที่เขายังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ในแต่ละวันก็ถือเป็นการก้าวเดินไปข้างหน้าแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ง่ายดายนักเพราะมือเขาก็ยังเต็มไปด้วยแผล แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
.
.
.

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นสัปดาห์
.
.
.
จนวันอาทิตย์ได้วนกลับมาอีกครั้ง แก้วของเขาที่พยายามซ่อมอย่างหนักตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ความรู้สึกเองก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน ระหว่างนั้นก็มีชานที่ทักทายกันบ้างเวลาเจอกัน หรือส่งข้อความคุยไปเรื่อยเปื่อยคลายเหงาในช่วงค่ำคืน