เรื่องของกระต่ายกับเต่า (ที่อีสปไม่เคยเล่าให้ใครฟัง) : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวแฟนตาซี (Fantasy)

ผลสรุปมันก็เป็นอย่างที่พวกเจ้ารู้นั่นแหละ ไอ้สัตว์ทั้งสองเผ่านั้นต่างก็ได้สมประสงค์กันทั้งสองฝ่าย…อย่างที่พวกมันต้องการ พระเจ้าก็ทรงประทานสิทธิ์แก่ผู้ชนะตามสัญญา แล้วหลังจากนั้นไอ้สัตว์ทั้งสองเผ่าก็ขอพรจากพระเจ้า

ไอ้สัตว์เผ่าพันธุ์แรกมันขอให้พวกมันมีกระดองหุ้มร่างกาย พวกมันให้เหตุผลกับพระเจ้าไปว่าเวลาที่มีสัตว์ร้ายเข้ามาหา พวกมันจะได้ ‘มุดหัว’ หลบเข้าไปในกระดองได้เลย ไม่ต้องวิ่งหนีภัยอันตรายใด ๆ ให้เหนื่อย ซึ่งพระเจ้าก็ทรงประทานพรให้พวกมันตามคำขอ อีกทั้งยังทรงประทานชื่อให้พวกมันอีกว่า ‘เต่า’ …ซึ่งในตอนแรก ๆ พวกมันก็วิ่งกันเร็วอยู่แหละนะ แต่พอนาน ๆ เข้า มันก็เริ่ม ‘ถือดี’ ว่าพวกมันมีกระดองซึ่งได้รับมาจากพระเจ้า พวกมันก็เลยไม่ยอมวิ่งกันอีกเลย จนกระทั่งเผ่าพันธุ์ของพวกมันกลายมาเป็นเผ่าพันธุ์ต้วมเตี้ยมอย่างที่พวกเจ้าเห็นในทุกวันนี้แหละ

ส่วนไอ้เผ่าพันธุ์ที่สอง พวกเจ้าคงเดาไม่ออกหรอกว่าพวกมันจะขออะไร เพราะพวกมันขออะไรที่คนอย่างข้าเองก็ยังนึกไม่ถึงอยู่เหมือนกัน พวกเจ้ารู้มั้ยว่ามันขอว่าอะไร?

พวกมันขอให้พระเจ้าทรง ‘ประจาน’ เผ่าพันธุ์ของพวกมันในฐานะของผู้พ่ายแพ้ โดยการสลักรูปของพวกมันไว้บนดวงจันทร์ ซึ่งพระเจ้าก็ประทานให้พวกมันตามคำขอ และทรงประทานชื่อให้พวกมันว่า ‘กระต่าย’

ส่วนข้าน่ะเหรอ…

คืนนั้นหลังเลิกงาน พระเจ้าได้เรียกข้าเข้าไปพบเป็นการส่วนตัว เพื่อมอบรางวัลพิเศษให้แก่ข้า ตอบแทนที่ข้าแอบไปสอดแนมนำข่าวอันแสนขบขันของพวกมันทั้งสองเผ่าพันธุ์มาแจ้งแก่พระองค์

ข้ายังจำได้ดีเลย เมื่อพระเจ้าเอ่ยถามข้าว่า “เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นสิ่งตอบแทน?”

ข้าตอบพระองค์ไปว่า ข้าขอให้เผ่าพันธุ์ของข้ามีขนาดสมองที่ใหญ่เป็นพิเศษกว่าสัตว์ในเผ่าพันธุ์อื่น ๆ และเป็นสัตว์ที่สามารถยืนตั้งฉากกับพื้นผิวโลกได้ อีกทั้งจะวิ่งบนบกก็ได้ อีกทั้งจะฝึกฝนให้ตนเองสามารถว่ายน้ำก็ย่อมได้

นอกจากนี้ข้ายังขอให้เผ่าพันธุ์ของข้ามีความสามารถพิเศษที่จะสร้าง “กระดอง” เอาไว้ป้องกันตัวเองยามที่มีภัยได้ด้วย (จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีอะไรให้เหนื่อยเปล่า ๆ) โดยมีสิทธิพิเศษอีกว่า เผ่าพันธุ์ของข้าไม่จำเป็นต้องแบก “กระดอง” นั้นไว้ตลอดเวลาอย่างที่พวกเต่าหน้าโง่พวกนั้นทำกัน

พระเจ้าทรงหัวเราะชอบใจ แต่ก็ทรงประทานพรให้ตามที่ข้าขอ

และก่อนที่พระเจ้าจะตั้งชื่อให้เผ่าพันธุ์ของข้า (ซึ่งข้าคงไม่ชอบชื่อนั้นของพระองค์เป็นแน่) ข้าก็เลยอาศัยจังหวะที่พระองค์กำลังหัวเราะนั้น ชิงตั้งชื่อให้เผ่าพันธุ์ของข้าเสียก่อน โดยข้าขอให้เผ่าพันธุ์ของข้ามีชื่อเรียกว่า “มนุษย์” หรือ “สัตว์ประเสริฐ”

พระเจ้าหัวเราะชอบใจอีกละลอกหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเย็นอำมหิต และกระซิบเบา ๆ ทว่าทำให้ข้าหนาวไปถึงขั้วหัวใจว่า

“และข้าจะให้พวกเจ้าเรียก ‘กระดอง’ ของพวกเจ้าเองว่า ‘หน้ากาก’ ”