โดย : ตรีเนตร
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media
ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากดูชื่อที่ขึ้นหราบอกชัดเจนว่าเป็นใคร สินีก็รีบรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ น้าดาวว่าไงคะ”
นาฟังการบรรยายถึงธุระของเจ้าของสายอยู่พักหนึ่งจึงได้ตอบกลับไปว่า
“เหรอคะ ไม่มีทางอื่นแล้วใช่มั้ยคะ นี่นาต้องไปอยู่ที่นั่นอย่างเดียวเลยใช่มั้ยคะ”
นาฟังปลายสายพูดอยู่ครู่หนึ่ง จึงวางสายลงพร้อมกับเปิดประตูระเบียงของคอนโดออกไปรับลมชมบรรยากาศยามกลางคืนของเมืองกรุง ที่เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดในระยะเวลาเกือบสิบปีที่ได้ใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองใหญ่แห่งนี้ นับตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยและทำงานต่ออีกสี่ปี จนเธอเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับการเป็นสาวชาวกรุงที่เธอเกือบจะลุ่มหลงเสน่ห์ของความเป็นเดิมๆ การใช้ชีวิตเดิมๆ งานเดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ เพื่อนร่วมงานเดิมๆ หรือเธออาจจะโชคดีที่การใช้ชีวิตในที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานที่ปกติสุขดีไม่มีปัญหาอะไร ทำให้การที่ต้องรู้ตัวว่าเธอมีเวลาอีกหนึ่งเดือนที่จะต้องเตรียมตัวลาออกจากที่ทำงานเพื่อไปทำภารกิจสำคัญที่เพิ่งได้รับการขอร้องจากน้าดาวของเธอ
ความจริงจะเรียกว่าเป็นการขอร้องก็ไม่เชิงเสียทีเดียว ควรจะเรียกว่าเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้และเตรียมตัวไว้ต่างหาก ทำยังไงได้ล่ะน้าดาวกับน้าเดชของเธออยากไม่มีลูกกันทำไมล่ะ ภาระต่างๆก็เลยตกมาอยู่ที่เธอไงล่ะใยนาเอ๊ย ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นความโชคดีหรือไม่กันแน่นะ แล้วที่สำคัญจะบอกเหตุผลการลาออกกับที่ทำงานว่าอย่างไรนี่สิ คือเรื่องที่ควรหนักใจมากกว่า
“อะไรนะ เธอต้องไปดูแลกิจการรีสอร์ทที่เกาะพะงันของน้าดาวเพราะแม่ของน้าเดชชราภาพและทั้งน้าดาวและน้าเดชก็ต้องไปดูแลท่านน่ะเหรอ”
จอยเพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนร่วมงานของนาพูดอย่างตกใจเมื่อได้รับฟังการบอกเล่าของเพื่อน
“อืม”
นารับคำแค่สั้นๆ เท่านั้นเอง และหันไปให้ความสนใจกับงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“หูย แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ”
เพื่อนของนาทำท่าเหมือนเซ็งกะตายขึ้นมาทันที
“ทำยังไง เธอก็ทำงานของเธอไปสิ ฉันเป็นคนต้องไปอยู่ที่นู่น ไม่ใช่เธอ”
นารู้อยู่แล้วว่าจอยต้องตั้งแง่และแย้งกับการที่เธอต้องไปจากที่นี่เพราะเท่ากับเป็นการทิ้งให้จอยต้องอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าจอยเองจะมีแฟนไปแล้วก็ตามแต่ความผูกพันความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเขาสองคนนั้นผูกพันกันมาก ยิ่งเป็นจอยด้วยแล้วทั้งรักและติดนามาก เพราะในความรู้สึกของจอยเป็นยิ่งกว่าเพื่อนรัก ตลอดระยะเวลาจอยต้องอาศัยความเป็นผู้ใหญ่และภาวะการเป็นผู้นำของนาในทุกด้าน เพราะจะว่าไปแล้วถ้าไม่นับเรื่องอายุที่เท่ากันของคนทั้งคู่ ดูเหมือนนาจะโตเป็นผู้ใหญ่กว่าจอยมากในด้านความคิดและการตัดสินใจ
“ก็รู้ แต่หมายถึงฉันก็เหงาแย่สิ และใครจะช่วยฉันเรื่องงานล่ะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้เก่งเหมือนเธออ่ะ แล้วนี่เธอจะบอกกับหัวหน้าว่ายังไงเหรอ”
นาหยุดนิ่ง และหันมาทางเพื่อนแล้วถอนหายใจเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงเหยียดยาวกับเก้าอี้ทำงานโดยไม่มีคำตอบให้กับเพื่อนรัก