มิติลึกลับในหุบเขา : ร่ำฝน

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama) นิยายสั้นแนวเขย่าขวัญทางจิตวิทยา (Psychological Thriller/ Minerva)

เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือของชายหนุ่ม ดังไปทั่วบริเวณที่มีแต่ความมืดมิด ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตใดตอบกลับมาหาเขา นอกจากเสียงของสายลมที่พัดผ่านซึ่งเมื่อฟังดูดี ๆ แล้ว มันช่างไม่ต่างกับเสียงกรีดร้องโหยหวนเมื่อครู่ที่เขาได้ยินก่อนจะลืมตาขึ้นมาเลย

“ป่านนี้ทุกคนจะรู้หรือยังนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองด้วยความกังวล พลางนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่แม้จะเลือนลางเต็มที แต่ก็พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

…เขาตกลงจากหน้าผาเมื่อช่วงสาย และตอนนั้นคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ทว่าน่าแปลกที่พอเขาตื่นขึ้นมากลับไม่มีบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด อวัยวะภายในก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก และสิ่งที่น่าสงสัยอีกอย่างก็คือ เขาหล่นลงมาช่วงเช้า แต่เหตุใดกลับตื่นขึ้นมาอีกทีตอนกลางคืนเช่นนี้! คนเราที่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดจะสามารถสลบไปได้นานขนาดนี้เชียวหรือ !!!

“ใครได้ยินฉันไหม ช่วยฉันด้วย!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือ ยังคงดังไร้การตอบรับอยู่อย่างนั้น

ชายหนุ่มยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่ทว่ายิ่งเดินก็ยิ่งหลงทิศทางไปหมด ต้นไม้รอบตัวก็ช่างมีลักษณะที่เหมือนกันไปเสียหมด แม้แต่บนฟ้าก็ไร้ซึ่งดวงจันทร์และดวงดาวที่ปกติจะส่องแสงเล็กน้อยให้เห็น  ภูเขาที่เขาได้ปีนขึ้นไปเมื่อช่วงเช้า บัดนี้ความงดงามและความแข็งแกร่งตระหง่านของมัน ในเวลานี้กลับแปรเปลี่ยนไปมาก ทั้งรูปร่างและความยาวของตัวภูเขาที่เวลานี้โอบล้อมรอบตัวป่าลึกทั่วทุกทิศ เหมือนกับว่าจุดที่เขาเดินอยู่ เป็นพื้นที่ของมือปีศาจร่างใหญ่ ซึ่งยิ่งเขาเดินมันก็ยิ่งกำมือใหญ่ของมันเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เขาเจอกับทางออก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงอยากจะต่อสู้กับมันสักครั้ง แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้เหนื่อยจากการเดิน แต่ในตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มที่จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ

ชายหนุ่มยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเจอกับแสงไฟสลัวจากมุมหนึ่งของป่าอันมืดมิด ด้วยความสงสัย ร่างสูงจึงเดินไปตามแสงที่ปรากฏอยู่จนเมื่อเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นแสงจากไฟ เพราะมันมีการเคลื่อนไหวไปมาเป็นลักษณะเปลว ทันทีที่ก้าวมาถึงจุดที่แสงส่องอยู่ เขาก็พบกับนักเดินป่าที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส โดยที่ตรงกลางของเขามีกองไฟให้ความอบอุ่นในคืนอันเหน็บหนาว ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขานั่งอยู่มีเต๊นท์และข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงอาหารประทังชีวิตเต็มไปหมดราวกับว่าพวกเขาเตรียมมาเพื่อใช้ในการเดินทางหลายวัน

ทันทีที่เห็นดังนั้น รอยยิ้มแห่งความดีใจ ก็ฉายขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มอิดโรยของชายหนุ่ม ไม่รีรอ เขารีบวิ่งไปยังจุดที่กลุ่มนักเดินทางนั่งอยู่พร้อมเอ่ยขอความช่วยเหลืออย่างมีความหวัง

“ช่วยฉันด้วย! ฉันหลงทางมา พวกคุณช่วยฉันด้วยนะ” ชายหนุ่มรีบบอกพลางคุกเข่า เพื่อแสดงให้กลุ่มชายดังกล่าวเห็นถึงความต้องการของชายหนุ่ม และโปรดเมตตาคนที่หาทางออกไม่เจออย่างเขา

ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมากลายเป็นสายตาเย็นชาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เขา และเพียงไม่นาน เหล่าเจ้าของสายตาเย็นชาต่างก็พากันลุกขึ้นมาตะคอกไล่เขาเสียงดัง

“ออกไปให้พ้น เราไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า!”