พี่ข้างบ้าน : Alistonut

นิยายสั้นวาย ชาย-ชาย (YAOI)

หลายวันต่อมา…

วันนี้เป็นวันที่ฝนตกหนักอย่างแรงเลยครับ และวันนี้พ่อกับแม่ผมไม่อยู่ด้วยไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดคงกลับดึก เลยให้ผมหาอาหารกินเอง ที่ผมไม่ได้ไปด้วยเพราะติดเรียนทั้งวันเลยครับขาดไม่ได้ด้วยวิชานี้ ไม่งั้นคงตามไม่ทันแน่ๆ ยิ่งช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย

พรึบ!!! อยู่ๆไฟก็ดับครับ TT ให้มันได้แบบนี้สิยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ผมกลัวผีนะถึงจะเรียนหมอก็เถอะ

“บ่น บ่นอยู่ไหนน่ะ” แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากหน้าบ้านประตูครับ สงสัยเขาจะปีนข้ามกำแพงมาครับเพราะผมล็อคประตูรั้วไว้อยู่

“พี่มาร์ทมาได้ไงอ่ะ” ผมถามหลังจากเปิดประตูให้เขาเข้ามา ผมกับพี่มาร์ทก็เหมือนเดิมครับเจอกันก็ยังมีเถียงกันบ้าง แต่ก็น้อยลงกว่าตอนเด็กบ้างแล้ว

“น้าบัวโทรมาหาแม่พี่น่ะว่าวันนี้อาจกลับช้า ฝากบ่นด้วยเพราะอยู่บ้านคนเดียว แล้วเมื่อกี้ไฟดับพอดีพี่เลยเดินมาดูเด็กขี้แงงกลัวผีไม่เลิกคนนี้หน่อย” แม่ผมชื่อบัวครับ สงสัยคงเป็นห่วงผมเลยโทรหาป้านี ขอบคุณแม่มากครับผมซึ้งใจสุดๆ TT
.
.
.

ตืดดดด..ตืดดดด..

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นครับเลยกดรับสายไป ดึกคืนป่านนี้ไม่รู้ใครโทรมา เบอร์ไม่คุ้นด้วย

“สวัสดีค่ะเราโทรมาจากโรงพยาบาลลาลาลอยนะคะ พอดีเห็นเบอร์นี้อยู่ในเบอร์ฉุกเฉินของคนไข้นะค่ะ ตอนนี้คุณบัวหลวงและคุณปิยะถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลค่ะ เขาสองคนเกิดอุบัติเหตุนะคะรถชน อยากให้คุณฝากติดต่อญาติคนไข้ให้มาที่โรงพยาบาลเราหน่อยนะคะ….”

เขาพูดอะไรต่อผมฟังไม่รู้เรื่องแล้วครับตอนนี้เหมือนผมหูดับไปเลย น้ำตาผมไหลลงมาไม่ขาดสาย สติผมตอนนี้ไม่มีแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ ผมควรรีบไปโรงพยาบาลแต่ แต่ขาผมดันก้าวไม่ออก พี่มาร์คเมื่อเห็นอาการผมแบบนั้นเลยคว้าเอาโทรศัพท์ผมไปคุยต่อเรียบร้อย ผมเลยทรุดตัวลงไปร้องไห้กับพื้น ผมตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ผมจะเรียนหมอและได้พบได้เจอกับเรื่องแบบนี้มาเยอะแต่พอมาเจอกับตัวจริงๆ มันเป็นความรู้สึกเกินบรรยายจริงๆครับ
.
.
.

“บ่นใจเย็นๆ ไว้ มันไม่ร้ายแรงอย่างที่บ่นคิดหรอก เดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาลเอง แต่บ่นต้องตั้งสติไว้นะ เข้มแข็งไว้อย่าทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ตอนนี้พ่อแม่ก็กำลังสู้เพื่อบ่นอยู่นะ” พี่มาร์ทเขาปลอบใจผมครับ

เราไปเอารถที่บ้านพี่เขาและได้บอกกับป้านี ลุงตินไว้ พวกเขาก็มากับผมด้วย เราเลยไปโรงพยาบาลด้วยกัน ระหว่างทางป้านีก็ปลอบผมไว้ และจับมือผมไว้แน่นไม่ปล่อย

พอไปถึงเราไปรออยู่ที่นั่งห้องฉุกเฉินกัน จนเวลาผ่านไป 1 ชม. คุณหมอจึงเดินออกมาครับ โชคดีที่พ่อและแม่ผมพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ พ่ออาการหนักกว่าแม่หน่อยเพราะแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามาทำให้ขาหักไป 1 ข้าง ต้องผ่าตัดเข้าเฝือก ส่วนแม่ผมไม่เป็นอะไรมากครับแต่ที่สลบไปนานเพราะตกใจมาก ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเมตตาเราอยู่ครับ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องเสียใครไป