ปลอมเปลือก : พรพระจันทร์

นิยายสั้นแนวเขย่าขวัญทางจิตวิทยา (Psychological Thriller/ Minerva)

“นี่แค่กรีดเนื้อเล่น ๆ ยังไม่ถึงขั้นตอนทาเกลือเลยจะทิ้งกันไปแล้วเหรอ” ผมว่าพร้อมทั้งแลบลิ้นเลียหยาดเลือดแดงที่ติดแต้มมีดปลายหยัก หอมหวานมากจริง ๆ อ่า ให้ตายเถอะจะทำให้หลงใหลไปถึงไหนกันนะ

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนข้อความที่น่ารำคาญเสือกดังตอนไหนไม่ดังดันมาดังขัดตอนที่กำลังสนุกสนาน ผมควานมือหาโทรศัพท์ก่อนจะรีบเปิดเช็คดูด้วยความหงุดหงิด

‘มีคุณป้าคนหนึ่งมาหาคุณหมอทะเลค่ะ เธอเอาพวกขนมมาให้เธอบอกอยากคุยกับคุณหมอด้วย’

เป็นข้อความไลน์จาก ‘คุณปุ๊ก’ ผู้ช่วยสาวจอมสะแหลน ถ้าไม่ติดว่ายังมีใช้ประโยชน์ได้ผมคงฆ่าเธอไปแล้ว

‘ขอบคุณมากคุณปุ๊ก เดี๋ยวบอกให้คุณป้ารอผมสักครู่ผมจะรีบทำธุระแล้วไปพบทันที’

เอาละ รีบจัดการปลดปล่อยของหวานที่นอนหายใจแผ่ว ๆ บนเตียงเหล็กทำมือนั่นดีกว่า ปล่อยช้ากว่านี้คงจะมีแต่เรื่องแย่ ๆ ตามมา

“งั้นก็เอาเกลือทาเลยแล้วกัน” ผมหยิบกระปุกเกลือทะเลที่เป็นของฝากที่จากใต้มาก่อนเปิดฝาออก เกลือทะเลใต้นี่แต่ต่างจากเกลือทั่วไป มีเม็ดใหญ่บ้างต้องทุบให้ละเอียดก่อนค่อยนำไปปรุงอาหารบ้างก็ใช้ปรุงอาหารเลยและผมเลือกวิธีที่สองคือการปรุงไปเลยไม่ต้องทุบให้ละเอียด

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”

ทันทีที่เทเกลือออกมาและโปะปาดไปตามรอยแผลลึก เด็กสาวผมหยิกที่นอนนิ่งก็ขยับตัวดิ้นพล่านขึ้นมาทันที เสียงร้องเพลงแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นชนิดที่ว่าต่อให้เป็นห้องลับเก็บเสียงแต่ถ้าบังเอิญมีคนเดินผ่านมาหากเงี่ยหูฟังดีดีก็คงได้ยินเสียงเพลงนี้แว่ว ๆ ผมจะไม่ยอมให้เสียงหวานนี้ขาดช่วงมันต้องละเลงและกดทับเกลือเค็มเข้าที่ผิวเนื้ออย่าให้ขาดสาย

“น่าสมเพช” ทั้งสีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสนั่นมันทำให้ผมสมเพชคนตรงหน้าไม่ไหว ทำไมกัน ทั้งที่จะตายเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ทำไมต้องทำหน้าตาแบบนั้น มันต้องยิ้มและบอกขอบคุณสิไม่ใช่ว่าทำหน้าเหมือนหมาจนตรอกแบบนี้

“จบด้วยการตัดคอแล้วกัน เอาเป็นเลื่อยดีกว่าค่อย ๆ หัน ค่อย ๆ เสพความสนุก”

“…”

“ไม่ตอบแปลว่าตกลงนะ” เอาเป็นว่ารีบไปหยิบเลื่อยดีกว่า ผมบรรจงเล็งด้ามคมของเลื่อยเข้าไปที่ลำคอขาวที่น่าบีบให้ตายก่อนจะใส่แรงกดเข้าไปที่จุดหมาย

“อะ อัก อึก ฮือ “ดวงตากลมเบิกโพลงมาที่ผม เลือดสีแดงสดเริ่มไหลนองและย้อมอาวุธแห่งการปลดปล่อย

ไม่ถึงยี่สิบนาทีศรีษะของเด็กตรงหน้าก็หลุดเป็นอิสระจากลำตัว ช่างเป็นภาพที่มองแล้วสวยงามต่อสายตาปากบางจิ้มลิ้มนั่นยังคงสั่นระริกอยู่ก็เป็นธรรมดา คนเราเนี่ยพอหัวขาดจากตัวก็ใช่ว่าจะตายในทันทียังต้องมีชีวิตอยู่ตั้งห้าวินาทีบ้างก็มากกว่านั้นแล้วจึงค่อยตาย

“อาจจะรู้สึกหนาวสักหน่อยนะ ก็นะเธอเสียเลือดเยอะมากความดันโลหิตต่ำสุด ๆ ดูสิ ไหลนองเป็นก๊อกแตกเลย ดูสิ เลือดของเธอไง” ผมอุ้มศรีษะที่ตาเบิกโพลงนั่นมาให้ดูเลือดโสโครกของตัวเธอเอง ทั้งที่จ่อหัวชิดเลือดขนาดนี้แต่ดวงตาสีน้ำผึ้งนั่นก็ไม่ได้มองไปยังจุดที่ผมให้มองเลย มันเอาแต่มองเบิกโพลงมาทางผมท่าเดียว

“ช่างเถอะ ยังไงเธอก็ไปสบายแล้วไม่ต้องโตขึ้นเพื่อไปเจอชีวิตที่เลวร้าย” ผมวางศรีษะนั่นลงก่อนจะจัดการเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยทั้งหั่นชิ้นสวนที่เหลืออยู่ จัดการควักลูกตาออกมาก่อนเก็บไว้ในเป้ ลูกตาก็อร่อย ๆ พอ ๆ กันกับเลือดนั่นแหละแค่อร่อยคนละแบบ ตัดจมูกและปากรวมถึงพวงแก้ม โอเค ตอนนี้เด็กคนนี้ก็พ้นสภาพความเป็นคนแล้ว

“เท่านี้ก็ไม่เป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจแล้ว ล้างมือสักหน่อยแล้วค่อยไปคลีนิคละกัน”