น้ำใจแม่ : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama)

มนุษย์เรามีความน่ารังเกียจอยู่ประการหนึ่ง นั่นก็คือเมื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากใครสักคน ก็มักจะพยายามหาเหตุผลมาหว่านล้อมเพื่อให้ใครคนนั้นยินยอมเห็นดีเห็นงามไปด้วยกันกับตน

พงศกรก็เป็นหนึ่งในมนุษย์จำพวกนั้น…

เขาบอกกับฉันว่า เขาไม่ได้รังเกียจแม่ของฉัน เขาบอกว่าเขาทั้งรักและเคารพแม่ของฉันประหนึ่งว่าเป็นแม่แท้ ๆ ของเขา และเขาก็สรุปในตอนท้ายว่าที่เขาอยากให้ฉันส่งแม่ของฉันไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา …ก็เพราะว่าเขาห่วงแม่ของฉัน

“คุณจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลแม่ของคุณ ไหนจะทำงาน ไหนจะดูแลบ้านช่อง แล้วไหนจะยังลูกของเราอีก… เอ่อ ผมหมายถึงเวลาที่เราแต่งงานแล้ว เราก็ต้องมีลูกด้วยกัน”

“แต่ฉันทำได้นะคะ ฉันสามารถทำงาน ดูแลบ้าน ดูแลคุณ ดูแลลูก และดูแลแม่ของฉันไปพร้อม ๆ กันได้”

เขาส่ายหน้า เหลือบมองฉันด้วยแววตาของครูที่มองนักเรียนดื้อ ๆ คนหนึ่ง

“ตอนนี้คุณก็ยังพูดได้น่ะซิ เพราะเวลานั้นมันยังมาไม่ถึง”

เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นซีเมนต์ มันดังออกมาจากห้องครัวตรงหลังบ้าน เสียงนั้นเสมือนระฆังคั่นเวลาที่ประกาศว่าสงครามทางความคิดระหว่างฉันกับเขา ‘หมดยก’ แล้ว

“ผมจะเชื่อว่าคุณทำได้ ถ้าแม่ของคุณไม่ได้เป็นแบบนี้”

เขาพูดเสียงเรียบ ถอนหายใจแรง ๆ ให้ฉันได้ยิน ในขณะที่ฉันเองก็รีบผละออกจากเขาเดินเข้าไปหาแม่ในห้องครัว

แม่ของฉันกำลังนั่งอยู่บนพื้นซีเมนต์ เอามืออันลั่นเทาเก็บเศษโถแก้วที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวด้วยท่าทีลนลาน…ร้อนรน เหมือนเด็กทำผิดที่กลัวผู้ใหญ่จับได้

‘แบบนี้’ ของพงศกร หมายถึงอาการชราภาพตามวัยของแม่ พักหลัง ๆ มานี้แม่ของฉันเดินเหินไม่ได้กระฉับกระเฉงอย่างเคย อาจจะเป็นเพราะกระดูกที่เริ่มเสื่อมสภาพไปตามอายุสังขาร บางครั้งแม่ก็แสดงอาการหลง ๆ ลืม ๆ จำอะไรไม่ค่อยจะได้ ฉันยังกลัวว่านั่นจะเป็นอาการเริ่มแรกของอัลไซเมอร์หรือเปล่า

“แม่ทำอะไรน่ะ?”

ฉันทำเสียงดุ ขณะที่แม่ของฉันยังก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วเหล่านั้นต่อไป..ด้วยลักษณาการของคนที่รู้สึกผิด

“แม่อยากได้อะไร จะเอาอะไร ทำไมไม่บอกหนู”

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เห็นลูกกำลังคุยกับพงศ์เค้าอยู่…แม่ก็แค่อยากกินโอวัลติน”

“แต่แม่เพิ่งทานข้าวไปเมื่อกี้นี้เองนะ”

แม่ของฉันทำหน้างง ๆ “เหรอ เออ…แม่คงจะลืมไป มันรู้สึกหิว ๆ ยังไงก็ไม่รู้”

พงศกรเดินตามเข้ามาพอดี เขาคงจะผิดสังเกตที่เห็นฉันหายไปนานเกินไป เปล่าหรอก…เขาไม่ได้เดินเข้ามาช่วย เขาแค่มายืนตรงที่ขอบประตู…มองดูเราสองคนแม่ลูกด้วยสายตาที่แสดงความสมเพช…แล้วก็จากไป