Site icon เมจิคไทม์ มีเดีย | อ่านนิยายสั้นออนไลน์ฟรี

นกซาตาน : ตรีเนตร

โดย : ตรีเนตร
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media

แม้ว่าภายในห้องของมานีจะสว่างไสวด้วยแสงตะเกียงน้ำมันก๊าช แต่ภาพอันตื่นเต้นน่ากลัวที่ได้ประสบมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อครู่นี้ก็หาได้คลายไปจากความรู้สึกของมานีโดยง่าย ไม่ว่าภาพใบหน้าของอรสาผู้เป็นพี่สาวท่ามกลางแสงจันทร์สลัว ๆ ยังแจ่มชัดอยู่ในสายตา

อรสาเธอได้ตายและเผาเสร็จเรียบร้อยไปแล้วถึง 3 วัน เหตุใดจึงมาปรากฎตัวให้เห็นได้ และมิใช่จะมาปรากฎตัวให้เห็นเท่านั้น แต่ถ้อยคำอันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงยังก้องอยู่ในหูของมานีตลอดเวลาน่าประหลาดเหลือล้ำที่ระยะไกลแสนไกล แต่มานีก็ยังสามารถได้ยินคำพลั้งอุทานเรียกชื่อและตอบโต้มาได้ทัน ๆ กัน ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็เหลือวิสัยที่จะได้ยินนอกเสียจากภูตผีปีศาจหรือคนที่ตายแล้วเท่านั้นที่มีญาณทิพย์สามารถจะได้ยิน

มานีเกิดอาการหนาวสั่นและสะท้านเฮือกถึงหัวใจอีกครั้งหนึ่งเมื่อนึกถึงถ้อยคำของผู้เป็นพี่สาว…

“พี่เอง…มานี…พี่คิดถึง…จะมารับมานีไปอยู่ด้วย….”

คำชักชวนของอรสาซึ่งได้ตายจากโลกไปแล้วเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการชักชวนให้มานีตายตามไปด้วยนั่นเอง พอนึกเช่นนี้ ความประหวั่นพรั่นพรึงของเด็กสาวก็เพิ่มทวีมากขึ้น

แน่ล่ะ! ความตายใคร ๆ ก็เกรงกลัวและไม่มีใครปรารถนาที่จะประสบด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ มานี เพิ่งจะมีอายุย่าง 16 ปีนี้ มานียังอยากอยู่เป็นสาวและมีอายุยืนยาวต่อไป เด็กสาวครุ่นคิดด้วยใจคออันว้าวุ่นไม่เป็นสุข…

มานีรีบมุดเข้าไปในมุ้งแล้วล้มตัวลงนอนเพื่อจะให้หลับเสียโดยเร็วแต่มันก็หาได้เป็นไปตามความตั้งใจไม่เพราะความตื่นเต้นตระหนกตกใจที่ได้รับมาสดๆ ร้อนๆ ทำให้ประสาทแข็งไม่อาจจะหลับลงได้ง่าย ๆ

ในขณะที่เด็กสาวนอนพลิกกระสับกระส่ายไปมาอยู่นั้นก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังกังวานก้องมาในอากาศแต่ไกล และเสียงนั้นก็เริ่มดังชัดเจนมากขึ้น

แซ็ก…แซ็ก….ซ็กกกกกก….

ใบหน้าของเด็กสาวซีดเผือดลงทันทีเมื่อปรากฎว่าเสียงดังกล่าวนี้ได้บินฉวัดเฉวียนวนเวียนไปมาอยู่เหนือหลังคาบ้านและมันยังคงร้องอยู่อย่างไม่ขาดระยะ

แม้จะมีวัยย่างขึ้นปีที่ 16 แต่มานีก็เคยได้ยินได้ฟังผู้หลักผู้ใหญ่เล่าว่าถ้านกแสกหรือบางคนเรียกมันว่า “นกผี” บินมาเกาะหลังคาบ้านของผู้ใด และส่งเสียงร้องอันเป็นสัญญาณแห่งทูตมรณะหรือบางคนก็ว่าเป็นทูตของพญายมแล้วถ้าบ้านหลังนั้นมีคนที่เจ็บป่วยอยู่ก็ต้องถึงแก่ล้มตายลงไปหรือไม่ก็จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งป่วยเจ็บและล้มตายลงในเวลาเร็ววัน

เมื่อความนึกคิดเช่นนี้อุบัติขึ้นเด็กสาวก็ถึงกับเย็นวาบไปหมดทั้งตัว ใบหน้าซีดสลดเต็มไปด้วยความวิตกกังวลใจเพราะเกรงว่าคนจะต้องตกเป็นเหยื่อของพญายมดังกล่าวแล้ว

มานีใจเต้นระทึกพยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ เจ้านกผีที่ได้ยินเสียงร้องแสกๆ เมื่อครู่นี้มันจะบินมาเกาะหลังคาบ้านหรือเปล่าซึ่งในใจนั้นภาวนาขอให้มันอยู่ห่างไกลสักร้อยโยชน์พันโยชน์….

ทุกอย่างเงียบสงัดและเงียบกริบไม่ได้ยินเสียงแกร๊กกร้ากอะไรบนหลังคาเลย ถ้ามันมาเกาะก็จะต้องได้ยินเสียงชัดเพราะหลังคาบ้านของมานีต่ำและมุงด้วยแฝกย่อมเกิดเสียงดังได้ง่าย

ขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงผิดแปลกบนหลังคาอย่าตั้งอกตั้งใจนี้เอง มานีก็มีอาการสะท้านเยือกขึ้นสุดตัวอีกครั้งหนึ่ง เพราะแทนที่จะได้ยินเสียงผิดแปลกตามที่ได้ตั้งใจเงี่ยหูฟัง กลับหลายเป็นเสียงหอนอย่างโหยหวนเยือกเย็นของสุนัขที่เลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ดังวิเวกวังเวงขึ้นมาอีกในท่ามกลางความสงัดเงียบยามวิกาล

โบรว…โบร์ววววว

เสียงหอนของมันในครั้งนี้จับจิตจับใจอย่างบอกไม่ถูกมานีเกิดอาการหนาวสั่นจนต้องรีบคลี่ผ้าห่มขึ้น คลุมร่างโดยเร็ว เหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นซึ่งได้ผ่านมาเมื่อครู่นี้ ก็เนื่องจากเสียงเห่าหอนของสุนัขนี่แหละ และบัดนี้มันก็เริ่มหอนขึ้นมาอีกเป็นระยะ

“หรือว่า…อรสา….พี่สาวซึ่งตายไปแล้วยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวบริเวณหน้าบ้าน”

….เมื่อนึกเช่นนี้ก็เล่นเอาขนลุกชันไปหมดทั้งตัวใบหน้าซีดขาวจนแทบจะปราศจากเลือด สายตาของมานี่เหลียวกวาดไปรอบ ๆ ห้องอย่างหวาดระแวงและด้วยความเกรงกลัวจะได้พบกับสิ่งที่พบมาแล้วเมื่อครูใหญ่มานี้อีก แต่ก็หาได้ปรากฎวี่แววหรือความผิดแปลกอย่างใดไม่?

เสียงหมาหอนยังคงดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ เสียงของมันก็เงียบสงบลงและขาดหายไป

ในทันใดนั้นอง ม่านตาของมานีก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองเห็นสิ่งหนึ่งเกาะอยู่บนขื่อในห้องและมีอาการเคลื่อนไหวไปมาอย่างชวนให้ผิดสังเกต เธอจึงรีบตลบมุ้งขึ้นและโผล่หน้าออกไปดูภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบไปทั่วทั้งตัว เพราะว่า…บนขี่อภายในห้องเจ้านกที่ใคร ๆ พากันทั้งเกลียดและกลัวส่งเสียงร้อง “แซ็กๆ”

เมื่อครู่นี้แทนที่มันจะมาเกาะอยู่บนหลังคาความหวั่นเกรงของมานี มันกลับเข้ามาเกาะอยู่บนชื่อภายในห้องอย่างแปลกประหลาดที่สุด

“มันเข้ามาได้อย่างไร…ในเมื่อประตูหน้าต่างทุกบานก็ปิดสนิทหมดมันสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้อย่างไรหรือ?”

มานี่บ่นพึมพรำในใจด้วยความตกใจจึงตัดสินใจร้องตะโกนสุดเสียง

“พ่อช่วยหนูด้วย”

พร้อมกับเสียงร้องของมานีกังวานก้องขึ้น แซ็กๆๆๆ ก็ประสานเสียงขึ้นมาอย่างกึกก้อง แล้วเจ้านกผีก็อันตรธานหายวับไป อย่างแปลกประหลาดที่สุด

“มีอะไรลูก…เปิดประตู…มานีเปิดประตูสิ…”

กว่าสติสัมปชัญญะของมานีจะกลับคืนมาและออกไปเปิดประตูให้พ่อได้ก็เสียเวลาตั้งนาน… ฟอบุญมีถลันพรวดเข้ามาในห้องพร้อมด้วยปืนลูกซอง อาวุธคู่มือของแกพร้อมกับถามลูกสาวอย่างตกใจ

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือลูก?”

“นกผี..นกผีจ๊ะพ่อมันเข้ามาเกาะอยู่บนขื่อในห้องไม่รู้มันไปใหน?”

“นกผี! อะไรวะนกผี เกิดมาข้ายังไม่เคยได้ยินใครพูดเลย” ลุงบุญ

มีทวนคำอย่างงุนงงแต่ใจคออดจะเต้นระทึกไม่ได้

“นกแสกยังไงล่ะพ่อ…มันร้องเสียงดังลั่นบ้านเลยไม่ได้ยินหรือ?”

ฉันเห็นจริง ๆ ฉันก็เล่าให้พ่อฟังไม่ใช่ว่าฉันจะเห็นนกแสกอย่างเดียวแต่ฉันได้เห็นอย่างที่พี่อรสาเขาเห็นก่อนที่เขาจะตายจากไปด้วย

คำพูดของลูกสาวประโยคนี้ จุดความสนใจขึ้นในดวงตาของลุงบุญมีผู้เป็นพ่อทันที

“เอ็งเห็นอะไรว่ะ?”

“เห็นคนขี่หลังนกแสกด้วย ตัวมันเล็กกว่านกนิดนึงเหมือนตุ๊กตางั้นละพ่อ”

ลุงบุญมีนิ่งอึ้งใจหนึ่งก็เริ่มจะเชื่อตามคำพูดของลูกสาว แต่อีกใจหนึ่งก็ลังเลเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เป็นอันว่าในคืนนี้ลุงบุญมีจำต้องมานอนแทนที่ลูกสาวของแก ส่วนมานีก็ไปนอนกับนางสมใจผู้เป็นแม่ตลอดคืนและไม่ปราฎกเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก
.
.
.

แต่…ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง ลุงบุญมี และภรรยาก็ตกใจแทบลิ้นสติเพราะมานีลูกสาวคนเล็กของแกเกิดล้มปวยอย่างกระทันหันเป็นอาการเดียวคล้ายกับรอสาผู้เป็นพี่สาว นั่นคือ ไม่ยอมแตะต้องและไม่ยอมกินอะไรทั้งสิ้น ร่างกายซูบผอม และเพียบหนักลงอย่างรวดเร็วเพียงไม่ถึงอาทิตย์เท่นั้น ร่างกายของมานีก็เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปจนเกือบจะเป็นคนละคน

หล่อนมักจะเพ้อเห็นอรสาผู้เป็นพี่ของเธอว่า อรสาจะรับไปอยู่ด้วยบางครั้งก็กรีดร้องออกมาสุดเสียงละล่ำละลักว่าเห็นพญายมขี่นกแสกเพื่อจะมาเอาชีวิตไปอีกคนหนึ่ง นางสมใจและสามีได้ยินลูกสาวเพ้ออย่างนี้ก็เล่นเอาหนาว ๆ ร้อน และขนลุกไปตามๆ กัน เนื่องจากว่าชีวิตของลูกจะต้องหลุดลอยไปอีกคนหนึ่งเช่นกับผู้เป็นพี่สาว ทำให้ลุงบุญมี และนางสมใจต่างพากันวิตกกังวลแทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน

ในที่สุดก็พาลูกสาวไปหาหมอดังคนหนึ่ง ภายในหมู่บ้านใกล้ๆ แล้วหมอผีคนนั้นก็ทรงร่าง ท่านก็เอ่ยขึ้นด้วยประโยคคำพูดที่ทำให้คุงบุญมีและภรรยาต้องขนลุกเกรียวไปทั้งตัวการที่ลุงบุญมีเข้าใจว่า นางอรสาและมานีถูกของถูกคุณไสยฯ มันเป็นเรื่องที่คาดคะเนผิด ไม่มีใครทำอะไรเขาหรอกพวกเขาพี่น้องผิดเอง

คือมันไปเล่นและทำลายศาลที่หลังสวนเพื่อปลูกข้าวโพด อันเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นวิญญาณที่สิ่งสถิตอยู่ที่นั่นจึงตามมาเอาชีวิตพี่สาวไปแล้วคนหนึ่ง และจะมาเอาน้องสาวอีกคนถ้าไม่อยากให้ลูกสาวมีอันเป็นไปอีกคน จงเร่งไปทำพิธีบวงสรวงขอขมาแล้วขุดดินเริ่มรีบตั้งศาลให้เขาเหล่านั้นใหม่เสีย ชีวิตนังมานีก็จะรอดพ้นจากอันตราย

.
.
.

หลังจากนั้นไม่ถึงวันลุงบุญมีก็ขอแรงชาวบ้านไปทำพิธีบวงสรวงและทำศาลใหม่ทดแทนศาลที่ลูกสาวทำลายจนสำเร็จเสร็จสิ้น แล้วต่อมาไม่ถึงเดือน มานีก็หายเป็นปกติ เท่าทุกวันนี้

นี่แหละคือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ต่อสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นและจับต้อได้ จะพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวเป็นตนเลยก็สุดที่จะทำ เรื่องแบบนี้มันจะต้องแล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลเท่านั้น

Exit mobile version