ตาดำห่วงลูก : ตรีเนตร

นิยายสั้นสยองขวัญ (Horror/ Chiller)

โดย : ตรีเนตร
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media

ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมเรียนอยู่ ป.6 บ้านผมอยู่ภาคอีสาน เป็นบ้านนอกคอกนาสมัยเก่าที่ยังไม่ไฟฟ้าเข้าถึง ชาวบ้านจึงใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทน เวลาดวงตะวันลับฟ้าไปแล้ว มันจึงดูมืดอึมครึมมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด

ตาคำซึ่งอยู่ในหมู่บ้านนี้แกตายด้วยโรคมะเร็ง เนื่องจากแกดูดบุหรี่มาก อายุของแกประมาณ 60 กว่าปี ส่วนภรรยาของแกเสียชีวิตตั้งแต่ตาดำอายุ 40 กว่า หลังจากนั้นแกจึงอยู่กับลูกสาว 2 คน มาตลอดไม่ยอมแต่งงานใหม่ เพราะตาดำกลัวว่าเมียใหม่จะไม่รักลูกสาวของตน

จะด้วยกรรมเก่าหรืออะไรไม่ทราบได้ ลูกสาว 2 คนของแกอีกคนก็ปากแหว่ง อีกคนก็ปัญญาอ่อน คงด้วยเหตุนี้กระมังจึงไม่มีชายใดอยากมาจีบ

วันที่ตาดำตาย แม่ผมบอกว่าตาดำแกนอนตาไม่หลับ เอามือลูบหน้ายังไงก็ไม่ยอมหลับ แกคงเป็นห่วงลูกสาวของแกชาวบ้านต่างก็สงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร

คนเราเมื่อถึงคราวใครก็ห้ามไม่ได้ ชาวบ้านต่างก็ช่วยงานศพตาดำด้วยความร่วมมือร่วมใจ และก็ผ่านไปโดยเรียบร้อย
.
.
.
หลังจากตาดำตายไปประมาณ 2 เดือนกว่า ชาวบ้านและผมก็ไม่ค่อยสนใจและกำลังจะลืมๆ แต่มันก็ลืมไม่ได้เสียแล้วครับ
.
.
.

วันนั้นหลังจากเลิกเรียนผมกับเพื่อนๆ ก็ชวนกันไปปักเบ็ด เมื่อได้เบ็ดได้เหยื่อแล้ว ก็พากันเดินไปที่ห้วยท้ายหมู่บ้านซึ่งไกลพอสมควรพากันไป 4 คน ก็เดินไปร้องรำทำเพลงไป สนุกสนานตามประสาเด็ก ๆ แหละครับ

เส้นทางที่พวกผมจะต้องไปต้องเดินผ่านบ้านตาดำทั้งขาไปและขากลับ พอไปถึงทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปปักเบ็ดของใครของมัน เพราะกว่าจะถึงห้วยก็ใกล้ค่ำพอดี

พอผมปักเบ็ดเสร็จผมก็เดินตามหาเพื่อนแต่ก็ไม่เห็น ทั้งตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมจึงโมใหขึ้นมาทันทีที่เพื่อน 3 คน พากันกลับโดยไม่รอผม

ผมจึงต้องเดินกลับคนเดียว ผมวิ่งบ้างเดินบ้างทั้งโมโหทั้งกลั วเริ่มเข้าถึงเขตหมู่บ้านแล้วผมจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

พอมาถึงหน้าบ้านตาดำ ผมก็มองเห็นเงาตะคุมๆ ของใดคนหนึ่งทีแรกนึกว่า เพื่อนมันคงจะซุ่มหลอกผมผมเกือบจะปราดเข้าไปแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าถ้าเป็นเพื่อนผม ทำไมเห็นแค่คนเดียว พอดีหมาใต้ถุนบ้านของตาดำหอนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมขนลุกเหมือนกัน แต่เงานั้น ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านหันหน้าเข้าไปในบ้าน ตอนนั้นประตูรั้วบ้านของตาดำจะมีต้นดอกบานชื่น

ผมนึกขึ้นมาได้ว่าต้องเป็นเพื่อนบ้านที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวของตาดำแน่ ผมจึงเดินเข้าไปหา ตอนนี้ผมยืนอยู่ข้างหลังคนนั้น ห่างกันแค่ประมาณวาได้ ผมจึงมองเห็นชัดว่าเป็นชายแก่ ผมก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่ ผมจึงถามว่า

“ลุงจะเข้าไปหรือเปล่า?…ผมจะได้เรียกคนมาไล่หมาให้”

เงียบ…ไม่มีเสียงตอบจากลุงคนนั้น ผมจึงออกปากจะถามอีกที พอดีลุงคนนั้น ค่อยๆ หันหนมามองผมอย่างช้า ๆ ผมก็มองหน้าลุงคนนั้นเช่นกัน ปรากฎว่า ลุงคนนั้นหันมายิ้มให้ผม และมีเสียงในลำคอ ฮึ….

พอผมรู้ว่าเป็นลุงดำแน่! สติของผมเกือบจะดับวูบลงทันทีก้าวขาไม่ออก แต่พอผมเริ่มตั้งสตีได้ก็เลยร้องลั่น วิ่งกลับบ้าน ทุกคนในบ้านของผมซึ่งกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ถึงกับตกใจ รุมถามผมกันใหญ่ว่าเป็นอะไร ซึ่งกว่าผมจะพูดได้รู้เรื่องก็เป็นชั่วโมงเลย ผมจึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังกัน
.
.
.

คืนนั้นผมนอนไข้ขึ้นสูงตลอดทั้งคืน แม่ต้องคอยเช็ดตัวให้ พอรุ่งเข้าคุณแม่ไปเอาน้ำมนต์กับหลวงพ่อที่วัดมาให้ผมอาบ ผมจึงมีอาการดีขึ้น กว่าจะหาย ผมที่หัวมันร่วงเกือบจะหมดหัวเลย