ซัมเมอร์นี้ ได้เจอดี : อลัมบรา

นิยายสั้นแนวตลกขบขัน (Comedy) นิยายสั้นแนวเขย่าขวัญและระทึกขวัญ (Thriller)

เช้าวันรุ่งขึ้น

พวกเราต่างพากันตื่นแต่เช้า และทำธุระกิจส่วนตัว จากนั้นก็ลงมารอรถรับส่งอยู่หน้าหอ รอรถอยู่สักพักก็มีรถตู้สีขาวมาจอดรอรับพวกเรา

“อ้าว…ขึ้นรถกันได้แล้วเด็กๆ เดี๋ยวสาย” คุณลุงขับรถตู้ลงจากรถแล้วกล่าวเรียกพวกเรา

และจากนั้นก็ต่างพากันขึ้นรถ และมีเพื่อนๆรวมกันประมาณ 10 คนที่เรียนอยู่สถาบันเดียวกัน และอยู่หอเดียวกัน เมื่อคุณลุงขับรถตู้ประมาณ10นาที ก็ถึงสถานที่เรียนแล้ว
.
.
.

สถาบันติว

บรรยากาศน่าตื่นเต้นมาก เพราะมีผู้คนมาจากหลายที่หลายแห่ง และมากหน้าหลายตา และมีพี่เลี้ยงประจำสถาบันคอยเอ็นเตอร์เทนอยู่เสมอ เป็นค่ายที่สนุกมากเหมือนกัน เป็นกันเอง และรู้จักกันอย่างรวดเร็ว และเป็นเวลา 1 เดือนที่ฉันอยู่ค่ายนี้ และฉันก็รู้จักกับเพื่อนที่อยู่ค่ายติวเดียวกันที่อยู่หอเดียวกัน ก็คนเคยเจอกันทุกวันเนอะ ไม่รู้จักกันก็คงเป็นไปไม่ได้

อ่อ…แล้วก็จะมีกลุ่มผู้ชายสี่คนก็อยู่ค่ายเดียวกันเหมือนกัน และอยู่ห้องข้างๆ ห้องพวกเรา และคืนวันหนึ่งฝนมันนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ตามประสามันนั่นแหละ และแล้วมันก็เห็นเขาขายส้มตำ พอมันเห็นเข้า มันเกิดอาการอยากกินอย่างมากและตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน

“มึงกูอยากกินส้มตำว่ะ” ฝนบอกพวกเรา

“มึงดูเวลาหน่อย ว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้วนะ เดี๋ยวก็บ่นอ้วนอีกหรอก” ฉันได้ตอบฝนไป

“แต่กูก็หิวนะ” ส้มตอบ

“เหลือมึงคนเดียวแล้วอีกาน มึงต้องกินกับพวกกูแล้วแหละ” ฝนได้บอก

“เออ งั้นมึงออกไปดูดิ ว่าร้านประจำที่เรากินมันเปิดไหม ถ้าเปิดกูจะกินเลย” และในขณะนั้นอีฝนก็รีบเดินออกไปดูตรงระเบียงหน้าห้อง

“เปิดจ้า กูว่ามึงต้องได้กินแล้ว”

“เออ…งั้นลงไปซื้อด้วยกันนี่แหละ” ฉันบอกทุกคน

“ได้ งั้นเราเอาน้ำไปกรอกด้วยนะ” เราสามคนเพื่อนรักต่างพากันลงไปซื้อส้มตำ

“เอาตำมั่ว 1 ครก และตำไทย1 ครกค่ะ” ฉันสั่งส้มตำไป และสักพักก็ได้ส้มตำที่เราสั่งไว้

“งั้นเดี๋ยวกูกับอีกาน จะไปกรอกน้ำนะ มึงขึ้นไปก่อนเลยนะส้ม” ฝนได้บอกส้ม

“เออได้ เดี๋ยวกูไปรอนะ” แต่ๆ พวกเราลืมเอากุญแจห้องให้อีส้ม ป่านนี้มันคงยืนรออยู่หน้าห้องแล้วมั้ง พอพวกเรากรอกน้ำเสร็จแล้ว จึงพากันขึ้นลิฟต์ไป พอขึ้นลิฟต์ไปสักพักประตูลิฟต์ก็เปิด และเราก็เห็นเพื่อนผู้ชายที่อยู่ข้างห้องเรากำลังจะเข้าลิฟต์อยู่พอดี ตอนนั้นฉันกับฝนก็เลยเดินออกจากลิฟต์ พร้อมกับถังน้ำที่เราไปกรอก และเดินไปเปิดประตูห้อง แต่แล้วฉันไขกุญแจแล้วไขอีกห้องก็เปิดไม่ได้ และฉันกับฝนก็ส่งเสียงเรียกหาส้ม เพราะไม่เห็นมัน ทั้งๆ ที่มันก็ขึ้นมาก่อนแล้ว แต่มันหายไปไหน เคาะประตูให้มันเปิดประตูให้ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!

“ส้ม เปิดประตูดิ หรือมึงหายไปไหน” ฉันตะโกนเรียกส้ม

“ไม่เอานะ กูไม่เล่นด้วยกับมึงนะ มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นนะ” ฝนก็ตะโกนออกมา ตอนนั้นเรากับฝนก็ตามหาและเรียกส้มอยู่สักพัก ในใจตอนนั้นคิดเรื่องไม่ดีแล้ว และคิดว่าจะบอกพ่อแม่มันเลยดีไหม อีกทั้งประตูก็เปิดไม่ได้ ฉันกับฝนจึงตัดสินใจลงไปข้างล่างเพื่อที่จะไปบอกลุงยามให้ขึ้นมาเปิดประให้ เมื่ ประตูลิฟต์เปิดสายตาของเราก็มองไปเห็นส้มเพื่อนของเรานั่งอยู่โต๊ะหน้าหอ ตอนนั้นเราไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยนะ เลยติดต่อกันไม่ได้ และเราโผล่เข้ากอดมันและร้องไห้ ถามว่า

“มึงหายไปไหนมา พวกกูเป็นห่วงมึงแทบแย่”

“กูอยู่หน้าห้องเราไง กูได้ยินเสียงมึงเรียกแต่กูหามึงยังไงก็หาไม่เจอ”

“กูก็อยู่หน้าห้อง แต่ประตูก็เปิดไม่ได้ ไม่เห็นมึงเลย” ฝนถาม

“กูส่องหาพวกมึงแล้ว ทีแรกนึกว่าพวกมึงอยู่ข้างล่าง แต่มองหายังไงก็หาไม่เจอ” ตอนนั้นเราก็คิดแล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแล้ว