หลังเลิกงานฉันเดินอย่างห่อเหี่ยวออกจากบริษัท กำลังจะเดินไปทางป้ายรถเมล์แต่โดนเจ้าของรถสีดำที่จอดอยู่ข้างฟุตบาทตะโกนเรียกเสียก่อน
“ต้องตา!” ฉันหันกลับไปมองตามเสียงเรียก และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในรถคืออคิน อดีตเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย บุคคลที่ทำให้ฉันต้องเลิกรากับกวี
“อคิน นายมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาหาเธอ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย” ฉันทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ต้องชะงัก
“ฉันอยากอธิบายเรื่องวันนั้นให้เธอรู้”
.
.
.
สุดท้ายเราก็มานั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบริษัทนัก
“ฉันขอโทษที่มาพูดเอาตอนนี้” อคินเปิดประเด็น “ที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันเห็นแก่ตัวมากเกินไป”
“…”
“ตอนนั้นฉันชอบเธอมาก วันนั้นฉันก็เลยแกล้งมอมเหล้าเธอในงานปาร์ตี้เรียนจบ จากนั้นก็พาเธอไปนอนที่โรงแรม จัดฉากให้เหมือนว่าเรานอนด้วยกัน ทั้งที่จริงมันไม่ได้มีอะไรเลย”
“ว่าไงนะ” ฉันนิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพของอีกฝ่าย
“เธอจะโกรธจะเกลียดฉันก็ได้ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่มาบอกเอาตอนนี้ ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าถ้าทำให้เธอกับกวีเลิกกันได้ ฉันก็คงมีโอกาสคบกับเธอ แต่ฉันรู้แล้วว่าไม่เลย ฉันไม่มีทางไปอยู่ในชีวิตของเธอได้” อคินก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ฉันรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก ทั้งโกรธทั้งโล่งใจ
“นายบอกกวีหรือยัง”
“ฉันยังหาทางติดต่อกับเขาไม่ได้เลย แต่ฉันจะรีบบอกเขาให้เร็วที่สุด เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
จบประโยคนั้นฉันก็เป็นฝ่ายขอตัว ไม่ได้คิดจะแก้แค้นอคินหรืออะไร ฉันแค่คิดว่าเราไม่ต้องติดต่อกันอีกก็พอ และในที่สุดฉันก็พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าในวันนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันต้องแก้ต่างเรื่องนี้กับกวีให้ได้ วันต่อมาฉันเลยขึ้นแอบขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 7 แต่เมื่อคุยกับการ์ดของเขาจึงได้รู้ว่ากวีไปต่างประเทศ และยังไม่มีกำหนดกลับ แล้วแบบนี้ฉันจะได้บอกความจริงเมื่อไหร่ล่ะ
.
.
.
หลายวันต่อมา
“ต้องตา บอสเรียกพบจ้ะ”
“ได้ค่ะพี่กุ้ง” กวีกลับมาแล้วงั้นเหรอ รอบนี้ฉันจะไม่ยอมโดนว่าแล้ว เหนื่อยจะทนฟังอะไรที่เจ็บช้ำหัวใจแล้ว
ฉันเดินไปที่ห้องของเขาเหมือนเดิม เมื่อเข้ามาแล้วก็เห็นเขายืนหันหลังให้อยู่ เหมือนจะคิดอะไรเพลินจนไม่ได้ยินเสียงฉันที่เดินเข้ามา
“คุณกวีคะ” ฉันส่งเสียงเรียก เขาหันมาแล้วก้าวเร็ว ๆ เข้ามาหาฉัน
“ฉันรู้เรื่องจากอคินแล้ว ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ได้ผิดเลยต้องตา ขอโทษนะ” เขายกมือข้างหนึ่งทาบแก้มฉันเบา ๆ เป็นสัมผัสที่ฉันไม่ได้รับมานานหลายปี
“ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เหมือนกัน วันนั้นฉันเมาไม่ได้สติ เลยไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง”
“ขอโทษที่ฉันเคยไม่เชื่อใจเธอ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้เธอเสียใจ หลังจากนี้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้ไหม”
“ทำฉันไว้เยอะแยะแล้วมาของ่าย ๆ แค่นี้เลยเหรอ” ฉันเลิกคิ้ว เห็นเขาทำหน้าหงอลงก็อดขำไม่ได้ อยากจะโมโหอยู่หรอกนะ แต่กับคนนี้ยังไงก็โกรธไม่ลงจริง ๆ
“ฉันจะรับผิดชอบด้วยการดูแลเธอไปทั้งชีวิตเลย” เขาพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ฉันระบายยิ้มบาง ๆ ให้เขาก่อนจะเอนใบหน้าซบกับฝ่ามือใหญ่
“งั้นก็ตกลง”
“เยี่ยมเลยครับที่รัก”