เธอบอกกับความจริงเสียงอ่อน แล้วหันกลับไปล้มตัวลงนอนกับที่นอน น้ำตาได้เหือดแห้งไปบ้างแล้ว และใจเธอก็สงบขึ้นมาก เนื้อร้องจากบทเพลงท่อนหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความนิ่งสงบของเธอ
รู้ไว้เถอะว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
ทุ่มเททุกอย่างให้ไป
แต่ไม่มีอะไรให้เหลือเลย
และตั้งแต่วันนี้จะไม่มีใครแล้ว
เหลือเพียงตัวเองที่เจ็บปวดคนเดียว
เจ็บก็ต้องจำไว้
แต่ก็แค่จำไว้
ถึงแล้วเวลาที่เธอต้องยอมรับ
ว่าคนที่เขาวาดไว้ไม่ใช่เธอ……
เธอหลับตาลง ในใจอยากหลับตาไปตลอดกาล ตลอดไป….. และหากจะต้องลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่อีกครั้งเธอปรารถนาขอให้พบเจอแต่สิ่งใหม่ สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนที่เคยเป็นมา…
“ม่าน ม่าน เปิดประตูได้ไหม”
“ม่าน ม่านอยู่หรือเปล่า”
เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เสียงเรียกนั้นคือเสียงของก้องเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน เพื่อนคนขี้เล่นและกำลังตกงานของเธอนั่นเอง
เธอลุกเดินไปเปิดประตู
“ฉันโทรไปที่บริษัท เขาบอกว่าเธอไม่ไปทำงาน…. วันนี้ฉันกับน้าคำจะไปรับแตงโมที่บ้านซำจำปาแล้วเลยไปส่งที่ตลาดขอนแก่น เธอไปกับฉันนะ ไปท่องทะเลภูเขาเธอชอบ ไปด้วยกันนะ” ก้องชวน ท่าทางไม่สนใจสีหน้าและอาการของเธอ
“ไม่เอา อยากนอน…..”
เธอว่าพลางหันกลับ แต่คนชวนไม่ยอมเขาคว้าแขนเธอไว้
แล้วจูงออกไปจากห้อง ปิดประตูล็อค จูงเธอลงไปข้างล่างก้องทำท่าให้เธอก้าวขึ้นรถ
ม่านทำตามเขาอย่างว่าง่าย ในหัวคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
รถกระบะสีทึมวิ่งออกจากตัวจังหวัดมุ่งหน้าสู่ต่างอำเภอ ระหว่างทางจากถนนใหญ่ไปสู่หมู่บ้านซำจำปาคือภูเขาสูงต่ำสลับกัน
สองหนุ่มสาวยืนเกาะเหล็กขอบรถกระบะ หลังต้านแรงลมอย่าเงียบเทียบ เหมือนต่างคนต่างยืนโดดเดี่ยวบนโลก
“อกหักเหรอ” ก้องเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มเสียง แต่เธอได้ยิน
รถชะลอความเร็วเมื่อวิ่งเลาะลัดเชิงเขา
“ฉันเป็นคนไม่น่ารักใช่ไหมก้อง” ม่านถาม ตามองพื้นที่โล่งกว้างไกลทอดยาวสุดตาเบื้องล่าง
“เธอเป็นคนน่ารักถ้าผู้ชายคนไหนได้เธอเป็นแฟน ผู้ชายทั้งโลกต้องอิจฉาเขาแน่ๆ แม้แต่ฉันเองก็เถอะ”
“แต่เขาไปจากฉันแล้ว”
คนฟังเงียบชั่วครู่ คิดถึงหน้าไอ้รูปหล่อขี้เก๊กที่เธอบอกว่าคือแฟนของเธอคนนั้น เขารู้ความเป็นมาของไอ้หมอนั่นดี
“ไปก็ไปสิ ไปง้อไอ้ผู้ชายแก่เห็นแก่ตัวแบบนั้น เขาไม่เหมาะกับเธอหรอก”
เห็นแก่ตัว….ใช่ เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว
ม่านยิ้มออกมากับความจริงข้อนี้ที่เธอเพิ่งยอมรับได้
“โน้น ๆ รถจะลงเขาแล้ว ม่านเตรียมตัวนะ ยกมือขึ้นไปให้สุดแขนๆ แล้วตะโกนออกมาให้ดังสุดๆไปเล๊ย”
ก้องทั้งกระโดดทั้งชี้ให้เธอดูทางข้างหน้าอย่างตื่นเต้นดีใจ เหมือนเด็กกำลังจะได้ของเล่นชิ้นโปรด
รถกระบะสีทึมประคองตัวลงสู่หุบเขาเบื้องล่างอย่างแรงและรวดเร็ว ความรู้สึกของคนบนรถเหมือนกำลังโรยตัวลงจากฟ้าสู่โลกใบใหม่บนพื้นดินกว้างกว่ากว้างเบื้องล่าง
“สนุกจังโว้ย…….” ก้องตะโกนออกมาอย่างนั้น
“สนุกจังเล๊ย…….” ม่านชูมือขึ้นร้องตะโกนออกมาสุดเสียงเช่นกัน ปลดปล่อยความทุกข์ ความอ่อนแอ ความเศร้า ความทรมานใจที่ทนเก็บไว้ ปล่อยพวกมันให้หลุดลอยไปกับสายลมเย็นที่พัดมาปะทะ ปลดปล่อยมันไปกับความกับเวลาที่หมุนผ่านไปอย่างสม่ำเสมอนั่น
รถเคลื่อนตัวลงสู่พื้นราบและแรงลมก็สงบลง สองเพื่อนหนุ่มสาวหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาด้วยกันอย่างมีความสุข
ความฝันความหวังที่เคยสุดสวยของม่านยังนอนแน่นิ่ง กำลังใจอันน้อยนิดของเธอเอื้อมมือไปสัมผัสมัน กระซิบถามมันแผ่วเบา
“เธอยังอยู่ใช่ไหม เธอไม่ได้ทิ้งฉันไปไหน”
“ฉันยังอยู่กับเธอเสมอว่าแต่เธอเถอะพร้อมจะไปเมื่อไหร่ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อมจะลุกขึ้นเพื่อเธอ” ความฝันบอกกับเธอ
“ฉันไม่มีวันทิ้งเธอไปหรอก จะไม่ไปไหนไม่ว่าจะอยู่จะตายอย่างไรฉันจะยังอยู่กับเธอ…” ความฝันย้ำกับเธอ
น้ำตาของความตื้นตันใจ ซึมออกมาจากขอบตาทั้งสองข้างแก้มของม่าน
“ใช่ ถึงไม่มีเขา แต่เธอก็ยังมีความฝันมีความหวังที่ไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน เธอต้องเข้มแข็งเพื่อฝัน เพื่อวันข้างหน้าของตัวเอง”\