ความผิดครั้งแรก : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama)

โดย : ก.ไกรศิรกานท์
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media

ผมรู้จัก “วิกสิตา” ตั้งแต่เธออายุได้สักสิบสามขวบกระมัง ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กหญิงผมสั้น กลิ่นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่เพิ่งผ่านระบบการศึกษาของโรงเรียนในระดับประถมศึกษามาหมาด ๆ ยังหอมติดจมูกของผมไปอีกหลายวัน นับตั้งแต่วันที่ผมได้พบกับเธอครั้งแรกในวันรายงานตัวรับนักเรียนชั้น ม.1 ของปีการศึกษานั้น

ปีนั้นมีเด็กนักเรียนมาสมัครเข้าเรียนน้อยกว่าทุกปี ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่าอาจจะเป็นเพราะเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษามีจำนวนลดลง ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าคู่แต่งงานนิยมคุมกำเนิดกันมากขึ้น ประกอบกับคนหนุ่มคนสาวในยุคปัจจุบันเริ่มแต่งงานกันช้าลง บางคู่ก็ไม่ยอมแต่งเลยก็มี เพราะการศึกษาที่สูงขึ้น ผู้หญิงพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น อีกทั้งหนุ่มสาวยุคใหม่หลายคนต่างก็ค้นพบทางเลือกแห่งการคัดสรรคู่ใจแบบใหม่…ที่นอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์ทางสังคมอันสืบเนื่องมาแต่โบราณกาล

มันก็มีข้อดีเหมือนกันนะ เพราะวงการแต่งงานน่ะ จะว่าไปมันก็เข้าอีหรอบ ‘คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า’ เหมือนกับที่รุ่นใหญ่หลายคนชอบพูดให้ผมได้ยินเหมือนกันนั่นแหละ เพราะก็มีคู่สมรสอยู่หลายคู่เหมือนกันที่ทำให้เราค้นพบสัจธรรมที่ว่า — การแต่งงานนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือการเข้าไปอาศัยอยู่ในนรกที่ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีชมพูดี ๆ นี่เอง

ผมไม่ได้ยินท่านผู้อำนวยการโรงเรียนพูดถึงการเปิดโรงเรียนขยายโอกาสและโรงเรียนเอกชนใกล้ ๆ โรงเรียนของเรา ทั้ง ๆ ที่ผมเห็นว่ามันน่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้จำนวนเด็กนักเรียน ม.1 ของโรงเรียนเราในปีนั้นลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด ที่เป็นเช่นนั้นก็คงจะเป็นเพราะว่าถ้าหากท่านผู้อำนวยการฯ พูดออกไปอย่างนั้น ก็คงจะมีคนโยนคำถามที่ตอบยาก…สวนกลับมาอีกว่า

‘แสดงว่าโรงเรียนของเราจัดการเรียนการสอนไม่มีคุณภาพน่ะซิ ผู้ปกครองถึงได้พาบุตรหลานไปเรียนที่อื่น’

ผมไม่ได้หนักใจกับปัญหาจำนวนนักเรียนที่ลดลงอย่างฮวบฮาบเหมือนกับท่านผู้อำนวยการฯ เพราะปริมาณนักเรียนไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับครูสายผู้สอนอย่างผม ต่อให้มีนักเรียนเหลืออยู่แค่สิบคน ผมก็ยังได้เงินเดือนเท่าเดิมอยู่ดี

เรื่องการยุบโรงเรียนน่ะเหรอ… อาชีพอย่างผมไม่ตกงานหรอกครับ ระบบราชการมี ‘ตำแหน่งว่าง’ ให้คนอย่างผมเสมอ เชื่อซิ!

ปีการศึกษานั้นเป็นปีที่ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ ผมรู้สึกว่าอายุของตัวเองลดน้อยถอยลงไปอีกราวสิบกว่าปีเห็นจะได้ เมื่อผมเห็นเด็กนักเรียนหน้าใหม่ ๆ วิ่งเล่นไล่กันกลางโรงยิมในชั่วโมงพลศึกษา

เปล่านะครับ ผมไม่ใช่ครูสอนวิชาพลศึกษา เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็น “ครูหื่น” หรือพวกสมภารกินไก่วัดอย่างที่พวกนักหนังสือพิมพ์เขาชอบพาดหัวข่าว